ฝากขายบ้าน ที่ไหนดี

ฝากขายบ้าน ที่ไหนดี

ฝากขายบ้าน ที่ไหนดี ขายฝากบ้าน เป็นยังไง?การขายฝาก เป็นการทำข้อตกลงค้าขายบ้าน ที่ดินหรือสินทรัพย์อื่นๆแต่ให้สิทธิ์เจ้าของเดิม สามารถนำเงินมาไถ่ถอนคืนได้ ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้คนรับซื้อฝาก คิดดอกเบี้ยพวกเราได้ไหม?โดยชอบด้วยกฎหมายผู้รับซื้อฝาก สามารถเรียกเก็บค่าแรงได้สูงสุด 1.25 %ต่อเดือน (น้อยกว่าดอกบัตรเครดิตหรือเงินกู้ยืมบางชนิดของธนาคาร)ขายฝาก เสมือนหรือต่าง กับการจำนำอย่างไร?การจำนองกับแนวทางการขายฝาก ถ้าเกิดเป็นอสังหาฯ แบบเดียวกันตรงที่ทั้งสองแบบจำเป็นจะต้องทำข้อตกลงในกรมที่ดิน ต่างกันตรงที่การจำนองเอกสารสิทธิ์ยังเป็นชื่อของพวกเราส่วนการขายฝากนั้นเอกสารสิทธิ์ชื่อเป็นของคนรับซื้อฝาก แล้วก็ค่าธรรมเนียมที่กฎหมายเรียกเก็บแตกต่างนิดหน่อย ยังไงก็ตามแนวทางการขายฝากมักจะได้ยอดเงินกู้ที่สูงกว่าการจำนำ

ฝากขายบ้าน ที่ไหนดี

ระยะเวลาในการขายฝากขายฝาก

– สัญญาขายฝากเป็นสัญญาที่เจ้าของในเงินทองเป็นของผู้รับซื้อฝากเมื่อจดทะเบียน ซึ่งคนขายฝากจะได้รับเจ้าของในที่ดินกลับคืนจะต้องขอไถ่ถอนข้างในตั้งเวลาคำสัญญาขายฝาก หรือภายในช่วงระยะเวลาที่ข้อบังคับระบุ กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเป็นอสังหาริมทรัพย์มีกำหนด 10 ปี และก็ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์มีกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่เวลาซื้อขาย

– คำสัญญาขายฝากต้องมีระบุระยะเวลาว่าจะไถ่คืนกันเมื่อใด แม้กระนั้นจะกำหนดเวลาการไถ่คืนกันเกินกว่าที่กฎหมายระบุมิได้ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาแน่ๆหรือตั้งเวลาไถ่เหลือเกินกว่านั้นให้ลดน้อยลงมาเป็น 10 ปี และ 3 ปี ตามจำพวกสมบัติพัสถาน

– การขยายกำหนดเวลาไถ่ คนขายฝากรวมทั้งผู้ซื้อฝากจะทำข้อตกลงขยายเวลาไถ่กี่ครั้งก็ได้แต่ว่ารวมกันแล้ว ควรต้องไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันลงลายลักษณ์อักษรขายฝาก รวมทั้งควรจะมีหลักฐานเป็นหนังสือเซ็นชื่อของ

ผู้รับซื้อฝาก ซึ่งถ้าเกิดเงินที่ขายฝากจึงควรทำเป็นหนังสือและก็ลงบัญชีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาขยายตั้งเวลาไถ่จากการขายฝากจำเป็นต้องลงบัญชีต่อบุคลากรข้าราชการ มิฉะนั้นจะยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าแรงงานและโดยสุจริตมิได้

– ผลของการใช้สิทธิไถ่ด้านในกำหนด กรรมสิทธิ์ในเงินซึ่งขายฝากจะเป็นของผู้ขายฝากตั้งแต่ขณะที่คนขายฝากชำระสินไถ่หรือวางทรัพย์สมบัติอันเป็นสินไถ่ เงินทองซึ่งไถ่นั้นผู้ไถ่ย่อมได้รับคืนโดยปราศจากจากสิทธิอะไรก็แล้วแต่ซึ่งผู้ซื้อเดิม หรือผู้สืบสกุลหรือคนรับโอนจากผู้ซื้อเดิมทำให้เกิดขึ้นก่อนถึงเวลาไถ่ ยกเว้นแต่เป็นการเช่าทรัพย์สินที่อยู่ในระหว่างขายฝากซึ่ง

ได้ลงทะเบียนต่อบุคลากรเจ้าหน้าที่ และก็การเช่านั้นไม่ทำให้คนขายฝากหรือผู้ไถ่เสียหาย ตั้งเวลาเช่ามีคงเหลือแค่ไหนให้คงจะบริบูรณ์เพียงนั้น แม้กระนั้นจำเป็นต้องไม่เกินกว่าหนึ่งปีปัญหารวมทั้งข้อกำหนดกฎหมายสำหรับในการขายฝากปัญหาที่มักพบกันเสมอในเรื่องขายฝากอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ เมื่อถึงกำหนดเวลาสำหรับการไถ่คืนเงิน

แล้วผู้รับฝากไม่ยอมให้ไถ่คืน กรณีนี้กฎหมายได้เปิดช่องทางให้สามารถนำเงินมาวางไว้ที่สำนักงานวางสมบัติพัสถานในจังหวัดนั้น หรือนายอำเภอ/ปลัดอำเภอ แล้วก็ใช้หนังสือของเจ้าพนักงานรับฝากเป็นหลักฐานแทนว่าได่ไถ่ตามที่ได้กำหนดเวลาแล้วซึ่งที่กฎหมายจะต้องเปิดช่องอย่างงี้ไว้ก็เพื่อช่วยปกป้องผู้ฝากขายนั้นเองกฎหมายยังระบุอีกว่าการขายฝากจะคิดดอกเบี้ยมิได้เด็ดขาด

จะคิดได้เฉพาะในรูปของสินไถ่หรือราคาไถ่คืนเท่านั้น ซึ่งเดิมทีสัญญาขายฝากสามารถตกลงราคาไถ่คืนสินทรัพย์ขายฝากได้ตามที่ใจต้องการเป็นจำนวนเท่าไรก็ได้ เนื่องจากไม่มีข้อบังคับห้ามไว้เนื่องจากว่านับว่าไม่ใช่เป็นการคิดดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่นตกลงขายที่ดิน 1,000,000 บาท แต่ว่าตกลงราคาไถ่ไว้ 2,000,000 บาท ข้างใน 1 ปี

ซึ่งทำให้ขายฝากอสังหาริมทรัพย์อยู่ในสภาวะเสียเปลี่ยบมากมายอย่างไรก็แล้วแต่ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 9 เมษาจนถึง พุทธศักราช 2541 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับเพื่อช่วยคุ้มครองผู้ขายฝากอีกทางหนึ่ง

โดยห้ามไม่ให้คำปฏิญาณขายฝากมีสินไถ่หรือราคาขายฝากสูงกว่าราคาขายฝากที่จริงเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งหมายความว่าที่ขายฝากข้างต้น 1,000,000 บาท เคยกำหนดสินไถ่ 2,000,000 บาท ด้านใน 1 ปี นั้น จำเป็นที่จะต้องลดเหลือร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งจะมีสินไถ่เพียงแค่ 1,150.000 บาท

ปัญหาที่มักเกิดขึ้นเสมอๆจากวิชาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้แก่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการนำ น.ส. 3 ไปเป็นประกันเพื่อขอกู้ยืมเงิน ยิ่งทำหลายๆครั้งเข้า เจ้าเขาเงินก็จะให้ลงชื่อลงในใบมอบฉันทะ ซึ่งไม่มีการกรอกข้อความอะไร แล้วเจ้าของที่ก็จะไปกลอกในหนังสือตอนหลังเอง ทำให้เมื่อพ้นกำหนดวิธีขายฝาก

ที่ดินก็จะเป็นของเจ้าของเงินในที่สุดเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการที่ชาวบ้านมีความสำคัญจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน จึงไปขอกู้เงินจากเจ้าของเงินโดยตกลงกันที่จะกระทำลงบัญชี ณ สำนักงานที่ดินกันให้ถูกต้อง ตอนต้นคุยกันว่าเป็นการลงทะเบียนจำนอง เอาเข้าจริงๆกลับกลายการเขียนทะเบียนขายฝากที่ดิน ทำให้เมื่อพ้นกำหนดการขายฝาก

ราษฎรไม่มีเงินไปไถถอน ที่ดินก็จะตกไปเป็นของเจ้าของเงินในทันทีขายฝากในทางกฎหมายแล้ว สัญญาขายฝากกับสัญญาจำนองมีน้ำหนักต่างกันมาก การเปลี่ยนธุรกรรมการขายฝากจะก่อให้เจ้าของเงินกู้อยู่ในฐานะเป็นต่อลูกหนี้มากมายก่ายกอง ที่เป็นเช่นนี้เพราะข้อตกลงขายฝากกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินตกเป็นของผู้ซื้อเลย

ส่วนคำสัญญาจำนองบาปสิทธิในเงินยังเป็นของผู้จำนองอยู่ แล้วก็การจำนำไม่จำเป็นที่จะต้องมีการส่งทรัพย์ ส่วนขายฝากทางด้านกฎหมายควรจะมีการส่งสมบัติพัสถาน โดยเหตุนั้นเพื่อความไม่ประมาท เวลาไปขึ้นทะเบียนจำนำควรจะพิจารณาและตรวจเช็คอย่างถี่ถ้วนก่อนลงทะเบียน เพื่อแบ่งแยกให้ถูกว่าเป็นการจดทะเบียนจำนำหรือเป็นการจดทะเบียนขายฝากกันแน่ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งบางทีอาจสังเกตได้จากค่าธรรมเนียมการเขียนทะเบียนและก็ภาษี กล่าวคือ

ขายฝากจำเป็นจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเป็นค่าขึ้นทะเบียนขายฝากในอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินเงินทุน โดยคนซื้อเป็นผู้ออกเงินค่าธรรมเนียมวิธีขายฝาก เวลาจดทะเบียนและผู้ไถ่ต้อชำระคืนให้กับผู้ซื้อพร้อมกับสินไถ่(อย่างไรก็ดี คู่มือณบางทีอาจตกลงให้ฝ่ายใดใยหนึ่วเป็นผู้ออกเงินก็สามารถทำได้) นอกจากการขายฝากจำเป็นต้องเสียค่าบริการการจดทะเบียนแล้ว

ยังมีภาระหน้าที่จำต้องชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและก็มือณ์ตราไปรษณียากรตามประรัษฎากรอีกด้วยส่วนการจดทะเบียนจำนอง ผู้ขอลงทะเบียนจะเสียค่าบริการในอัตราเพียงปริมาณร้อยละ 1 ตามปริมาณทรัพย์สมบัติที่จำนอง อย่างมากไม่เกิน 200,000 บาท หรือในอัตราร้อยละ 0.5 อย่างยิ่งไม่เกิน 100,000 บาท

ในกรณีจำนองสำหรับในการให้สินเชื่อเพื่อการกสิกรรมทั้งนี้การจำนำไม่ต้องชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายส่วนอากรแสตมป์พนักงานเจ้าหนี้ที่จะเรียกเก็บต่อเมื่อสัญญาจำนองเป็นหลักฐานกู้ยืมเงินด้วย โดยผู้ให้กู้มรหน้าที่จำต้องจ่ายจะเห็นได้ว่าการขายฝากอสังหาริมทรัพย์ มีข้อความสำคัญร่วมกัน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บ่อยจำต้องเกี่ยวโยงกับธุรกรรมจำพวกนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ซื้อฝาก รวมทั้งหรือในฐานะเป็นผู้ขายฝากก็ได้

วิธีการป้องกันการถูกเอาเปรียบสำหรับ

คนขายฝากอย่าทำข้อตกลงแนวทางการขายฝากระยะเวลาอันสั้นมากเกินความจำเป็น ทั้งนี้ช่วงเวลาแนวทางการขายฝากควรสอดคล้องกับความสามารถของท่านสำหรับเพื่อการที่จะหาเงินมาไถ่ทรัพย์สินคืนได้ บอกเวลาเผื่อไว้ไว้ด้วยเมื่อขายฝากอสังหาริมทรัพย์ ขอให้ตระหนักว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำเป็นต้องไถ่คืนภายในระบุช่วงเวลาแค่นั้นอย่าหลงเชื่อว่าหากขายฝากหลุดเป็นสิทธิผู้รับซื้อฝากแล้ว คนรับซื้อขาดจะยอมให้ซื้อที่ดินคืน บ่อยครั้งคนรับซื้อฝากให้คำมั่น

โดยให้ผู้ขายฝากส่งดอกเบี้ยเสมอๆ ซึ่งผู้ขายฝากเชื่อส่งดอกเบี้ยเป็นเวลานับเป็นเวลาหลายปี ปรากฎว่าผู้ขายฝากได้ขายที่ดินแปลงนั้นให้กับคนอื่นๆไปนานแล้วแม้คนรับซื้อฝากนัดไถ่คืนวิธีขายฝากในวันหมดคำสัญญาวิธีขายฝาก การนัดพบไถ่ถอน ณ สำนักงานที่ดินต้องเป็นเช้าตรู่ ไม่สมควรเป็นตอนบ่าย เพราะเหตุว่าแม้คนรับซื้อฝากไม่มาตามนัด

คนขายฝากจะไม่สามารถที่จะนำเงินไปวางไว้ในที่ทำการวางสมบัติพัสถานได้ทัน ที่ดินบางทีอาจหลุดเป็นสิทธิจากแนวทางการขายฝากได้หลบหลีกการขายฝากที่ดินที่ระบุราคาวิธีขายคำสัญญาไม่ตรงกับที่เป็นจริง ตัวอย่างเช่น ขายฝากไว้ภายในราคาจริง 300,000 บาท แต่คนรับซื้อฝากให้เจาะจงในคำสัญญาขายฝากเป็นเงิน 600,000 บาท โดยบวกดอกอีกเท่าตัว

ทำให้เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน วิธีขายฝากก็ไม่บางทีอาจหาเงินมาไถ่คืนได้ กลยุทธแบบงี้มักใช้กันมากมายในกลุ่มผู้รับซื้อฝาก คนขายฝากจะต้องรู้เรื่องว่าราคาที่เจาะจงในคำสัญญาการฝากขาย กฎหมายไม่ให้บวกดอกเบี้ยเข้าไปด้วย โดยราคาที่เจาะจงในสัญญารวมทั้งจำนวนเงินที่ได้รับไปจะต้องตรงกัน จึงจะป้องกันการหลุดเป็นสิทธิจากแนวทางการขายฝากได้

เอกสารที่ใช้ทำ จำนอง ขายฝากบุคคลธรรมดา

1. โฉนดที่ดิน ตัวจริง (พร้อมสำเนา)

2. ทะเบียนบ้าน ตัวจริง (พร้อมสำเนา)

3. บัตรประชาชน (พร้อมสำเนา)

4. ใบเปลี่ยนแปลงชื่อตัว นามสกุล ตัวจริง (พร้อมสำเนา)

5. ทะเบียนสมรส หรือ ทะบียนหย่า

6. หนังสือยินยอมให้ทำนิติกรรมของคู่แต่งงาน

7. มรณะบัตรสามีภรรยา

8. ใบขออนุญาติปลูกสร้าง (กรณีเป็นบ้านที่ก่อสร้างเอง)

9. ใบปลอดค่าสาธารณูปโภค หรือ ใบปลอดหนี้ ดังเช่นว่า ค่าศูนย์กลาง ค่าน้ำประปา ค่าไฟ (ในกรณีเป็นอาคารชุด หรือ คอนโด)

10. ถ้ามีการแปลงสัญชาติให้นำหลักฐานการแปลงสัญชาติมาด้วย

นิติบุคคล ร้านค้า

1. โฉนดที่ดิน ตัวจริง (พร้อมสำเนา)

2. บัตรประจำตัวประชาชน ของกรรมการผุ้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล ตัวจริง (พร้อมสำเนา)

3. ทะเบียนบ้าน ของกรรมการผู้กุมอำนาจทำการแทนนิติบุคคล (พร้อมสำเนา)

4. หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

5. หนังสือบริคณห์สนธิแล้วก็วัตถุประสงค์

6. ข้อบังคับของนิติบุคคล

7. บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลไทยที่มีหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด

8. แบบรับรองรายการลงบัญชีตั้งขึ้นห้างหุ้นส่วน กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่ขึ้นทะเบียนแล้ว

9. หนังสือรายงานการประชุมนิติบุคคล

10. ใบขออนุญาติก่อสร้าง (กรณีเป็นบ้านที่ก่อสร้างเอง)

11. ใบปราศจากค่าสาธารณูปโภค หรือ ใบปราศจากหนี้สิน เป็นต้นว่า ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำประปา ค่าไฟ (ในกรณีเป็นห้องชุด หรือ คอนโด)หมายเหตุ: สำหรับในการทำธุรกรรมที่ที่ทำการกรมที่ดิน ได้โปรดกรุณาจัดแจงเอกสารไปให้ครบเพื่อความสะดวกสำหรับการทำ (โปรดซีร็อกเอกสารให้พร้อมเพื่อความสะดวกและก็รวดเร็วทันใจในการทำธุรกรรม)

การขอราคาประเมิน

1. การตั้งราคาประเมินเงินทุนของอสังหาริมทรัพย์กรมที่ดินมีบทบาทรับผิดชอบการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ ของอสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นทะเบียนสิทธิ ฝาก ขาย บ้าน ที่ไหน ดี pantip และก็นิติกรรมตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท คือ ที่ดิน โรงเรือนสิ่งก่อสร้าง แล้วก็ห้องเช่าโดยมีสำนักงานกลางคิดราคาสินทรัพย์เป็นผู้ปฏิบัติ สรุปได้ดังต่อไปนี้

(1) ทำบัญชีราคาประเมินเงินทุนที่ดินรายแปลง ซึ่งเดี๋ยวนี้ใช้อยู่ในเขตจังหวัดกรุงเทพ 50 เขต เทศบาลเมืองหลัก 5 เทศบาล คือ จังหวัดสมุทรปราการนนทบุรี จังหวัดภูเก็ต นครราชสีมา เชียงใหม่ แล้วก็พื้นที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งเขตสุขาภิบาลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ

(2) ทำบัญชีราคาประเมินเงินทุนโรงเรือนสิ่งก่อสร้างทุกจังหวัด ตามแบบมาตรฐานที่กำหนดไว้ 46 แบบ เนื้อหา

(3) จัดทำบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์แฟลตในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

(4)เป็นฝ่ายเลขานุการของภาควิชาอนุกรรมการตั้งราคาประเมินทุนทรัพย์ กรุงเทพมหานครแล้วก็คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินเงินทุนซึ่งมีบทบาทต่างๆยกตัวอย่างเช่น จัดสัมมนา แล้วก็เก็บข้อมูลรวมทั้งเสนอความเห็นประกอบกิจการพินิจ ตามอำนาจหน้าที่ของภาควิชาอนุกรรมการรวมทั้งคณะกรรมการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับในการทำบัญชีตั้งราคาประเมินเงินทุนที่ดินรายบล็อก (Block)

ซึ่งใช้อยู่ในส่วนภูมิภาคทั้งประเทศ สำนักงานที่ดินจังหวัดต่างๆในฐานะฝ่ายผู้ช่วยภาควิชาอนุกรรมการกำหนดราคาประเมินเงินทุนประจำจังหวัด จะเป็นผู้รับผิดชอบ

โดยมีสำนักงานกลางคิดราคาทรัพย์สินเป็นผู้ให้คำปรึกษาและอบรมขั้นตอนการจัด ทำบัญชีดังกล่าวข้างต้นแก่สำนักงานที่ดินจังหวัดต่างๆเพื่อให้การจัดทำบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินเป็นมาตรฐานเดียวกันพร้อม ทั้งที่ยังไม่ตายคนตรวจสอบกลั่นกรองก่อนนำเสนอแผนกบาปการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์พิจารณา มีความคิดเห็นชอบก่อนการประกาศใช้ถัดไป

2. การขอใบรับรองราคาประเมินเงินทุนที่ดิน

(1) บัญชีตั้งราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินปกติราษฎรทั่วๆไปสามารถขอดูหรือขอ รู้ราคาประเมินเงินทุนได้ในสำนักงานที่ดินท้องที่แม้กระนั้นหากต้องการคัดสำเนาบัญชีหรือรูปแผนที่ประกอบบัญชี หรือขอให้ออกใบรับรองราคาประเมินเงินทุนที่ดินแปลงใด ผู้ขอจะต้องเป็นเจ้าของที่ หรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินแปลงนั้นแค่นั้น

โดยผู้ขอจำเป็นจะต้องเสียค่าบริการในการขอคัดหรือขอรับรองราคาประเมินตาม ระเบียบ แม้กระนั้น การที่ประชากรทั่วไปซึ่งมีความต้องการเพียงเพื่อขอดูหรือขอทราบราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินโดยไม่มีการขอคัดสำเนาหรือขอ ให้ออกหนังสือรับรองก็อาจขอดูเหมาะที่ทำการกึ่งกลางประเมินราคาเงิน (ตึกตลิ่งชัน) ซึ่งมีบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินทั้งประเทศไว้บริการ

โดยผู้ขอไม่จำเป็นที่ต้องเดินทางไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินท้องที่ แต่ว่าการบริการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นยังมีข้อกำหนดในเรื่องของที่ดินซึ่งตั้งอยู่นอก เขตจ.กรุงเทพฯที่ใช้ราคาประเมินที่ดินแบบรายบล็อก เพราะเหตุว่าหากผู้ขอไม่เคยทราบตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินที่แน่นอนว่าอยู่ในบล็อคใดรวมทั้งหน่วยใดแล้ว ก็จะไม่อาจจะเจาะจงได้ว่าที่ดินแปลงนั้นราคาแพงประเมินทุนทรัพย์เท่าไร โดยเหตุนี้ในกรณีนี้ ผู้ขอดูหรือขอรู้ราคาประเมินควรต้องทราบตำแหน่งของที่ดินแปลงนั้นๆอย่างดีเยี่ยมด้วยก็เลยจะสามารถทราบราคาที่ดินที่ถูกได้

(2) หลักฐานที่จะจำเป็นต้องนำไปประกอบคำขอ

1. โฉนดที่ดิน, น.ส.3, น.ส.3ก, อื่นๆอีกมากมาย หรือสำเนาเอกสารดังที่กล่าวถึงมาแล้ว (กรณีไม่สามารถที่จะเอามาได้)

2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการ บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ ของผู้ขอแล้วก็ผู้รับมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรดังกล่าวข้างต้น ในกรณีมอบสิทธิ์จำเป็นต้องนำบัตรประจำตัวประชากรหรือบัตรข้าราชการ บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจพร้อมสำเนาบัตรดังที่กล่าวมาแล้วที่พักสำเนาแล้วของผู้มอบ อำนาจมาด้วย

3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอ ในกรณีมอบอำนาจต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบฉันทะ และผู้รับมอบอำนาจมาด้วย

4. หลักฐานของนิติบุคคล หรือหนังสือมอบอำนาจ ในกรณีไม่สามารถไปด้วยตัวเอง

(3) ยื่นคำขอกับบุคลากรเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ที่ทำการที่ดินอำเภอ ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่

(4) ค่าใช้สอยสำหรับในการรับรองราคาประเมินค่าคำร้องขอแปลงละ 5 บาทค่ายืนยันฉบับละ 10 บาทค่าผู้เห็นเหตุการณ์คำร้องขอเรื่องละ 20 บาทค่ามอบ (ถ้าหากมี) เรื่องละ 20 บาท

กลับสู่หน้าหลัก