รีวิว Deep (2021)

รีวิว Deep (2021)

รีวิว Deep (2021)

รีวิว Deep (2021) เป็นภาพยนตร์ไทยที่ได้รับแรงบัลดาลหัวใจจาก การงดนอน ที่แปลงเป็นความคุ้นเคยของคนในสมัยโลกปัจจุบันนี้แล้วก็เงินที่เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับเพื่อการใช้ชีวิต จึงทำให้มีคำถามเกิดขึ้นว่า มนุษย์เราจะสามารถอดหลับอดนอนกันได้นานเพียงใดกันเชียว แล้วจะเป็นเยี่ยงไรถ้าเกิดมิได้นอนเลย โดยใช้เงินเป็นตัวล่อ Deep (2021) หากได้เงินอย่างงี้จะมีคนไหนกล้าปฏิเสธกันไหมเอ่ย ?เหตุเพราะพล็อตหนังจากคราวเซอร์น่าสนใจและแถมยังได้นำดาราวัยรุ่นหน้าใหม่มาแสดง แม้กระนั้นมั่นใจว่า ทุกๆคนคงจะคุ้นตาชินตาของนักแสดงกันอยู่แล้ว จึงทำให้ภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้มีคนมุ่งมาดกันมากเลยทีเดียวว่าจะสร้างได้ดีหรือไม่ วันนี้พวกเราจึงได้นำเรื่องย่อ มีสปอยล์^^ พร้อมๆกับการรีวิวว่าเรื่องนี้จะได้กี่คะแนน เพื่อเป็นการประกอบกิจการตัดสินใจของทุกๆคนจ้ะว่าจะดูหรือไม่ดูดี ไปกันเลยค่ะ

รีวิว Bad Boys For Life

ไม่น่าเชื่อว่าหนัง Bad Boys For Life จะสามารถมาถึงภาค 3 ได้ จริงๆไม่คิดว่าจะมีภาค 2 ด้วยซ้ำ มันคือหนังสองคู่ขาตำรวจไล่จับอาชญากรสูตรสำเร็จ สุดฮิตในสมัย 90s ที่ Hollywood ขยันทำออกมามากดังเช่นว่า Hollywood Homicide, National Security, Blue Streak แล้วก็หนึ่งในนั้นเป็น Bad Boys เนี่ยล่ะ

สำหรับ Bad Boys หากหลายท่านได้ดูจะทราบดีว่าหนังมันสนุกสนานตรงการพล่ามของสองดารานำอย่าง Martin Lawrence และก็ Will Smith ที่เป็นคู่ขากันแต่ดุด่ากันตลอดทั้งเรื่อง แถมยังเรียกเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆได้อีก รวมทั้งแอ็คชั่นก็มิได้น้อยหน้าเรื่องอื่นแต่อย่างใด สองภาคแรกได้ผลงานการดูแลของ Michael Bay ในปี (1995, 2003)

ซึ่งถ้านับจากภาคสองมาจนกระทั่งในตอนนี้ก็ 17 ปีเลยทีเดียว รวมทั้งเป็นการช่วยชีวิตกลับมาใหม่ของผู้กำกับอย่าง Adil El Arbi และก็ Bilall Fallah ที่เจ้าตัวบอกเลยว่าเป็นแฟนเดนตายของแฟรนไชส์นี้เลย รีวิว Deep (2021) ก็เลยไม่แปลกจังว่าทำไมถึงทำออกมาได้ดิบได้ดีขนาดนี้ Bad Boys For Life เกิดเรื่องราวของสองตำรวจคู่หูที่รู้จักแห่ง Miami

ที่ถึงวัยเริ่มแก่ละ เริ่มคิดวางแผนเกษียณ ทำเพื่อครอบครัว เพื่อคู่รัก แต่แล้ว Mike Lowery ก็โดนขโมยหมายหัวหวังเอาชีวิต ทำให้ทั้งสองจำเป็นต้องร่วมมือกันไล่ล่าขโมยรายนั้นเอาจริงๆช่วงแรกมีหวาดหวั่นๆเพราะมีความเห็นว่าผู้กำกับไม่ใช่ Michael Bay เลยดูหมิ่นไปก่อนแล้วว่าจำต้องออกมาไม่ดีแน่นอนมันจำต้องไม่ใช่ Bad Boys ที่เรารู้จัก

แต่พอใช้ได้ดูอยากจะตบกระโหลกตนเองจริงๆผู้กำกับ 2 คนนี้โคตรเข้าอกเข้าใจความเป็น Bad Boys รักษาเสน่ห์ที่มีเอาไว้อย่างครบถ้วน แถมยังเป็นเหตุให้มันดีขึ้นไปอีกในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากแอ็คชั่นที่ภาคนี้จัดเต็มมาก ใน 2 ภาคแรกสองผู้แสดงนำฝ่ายเป็นยังไง ภาคนี้ก็ยังเป็นแบบงั้นเลย

คุณสามารถดู 3 ภาคต่อกันได้แบบไม่เคยรู้สึกว่ามันกระโดดหรือคนละเรื่องอะไร มันกลมกลืนมากมาย โอเคดาราทั้งสองบางทีอาจจะไม่พูดไฟแลปด่ากันรัว เสมือนภาคแรกสักเท่าไหร่ แต่ก็มีเหตุผลมารองรับมากพอให้เข้าใจได้ อย่างไรก็ดี 2 ดารานำก็ยังคงเคมีเข้ากั๊นเหมาะเหมือนกับอยู่กินนอนกันมาตลอด

และก็ยังเรียกเสียงฮาได้เรื่อยๆราวกับที่พวกเราเคยชินกันจาก 2 ภาคแรก แน่ๆหนังคู่หูตำรวจจับผู้ร้ายคงจะไม่ต้องมุ่งหวังว่ามันจะสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนอะไรขนาดไหน เพราะนั่นก็คือหนังสูตรสำเร็จ แต่ว่าไอ้ความเป็นหนังสูตรสำเร็จ มันทำเช่นไรให้ไม่มีเบื่อ ไม่เชย และก็นี่แหละ Bad Boys For Life มันทำได้

จริงๆมันก็เชยๆแหละ แต่มันสนุก หรรษา ครบรสจัดเต็มมาก หากถามคำถามว่าจึงควรดูภาคอื่นๆมาก่อนไหม? เอาจริงๆไม่ดูภาคอื่นมาก็เพียงพอจะดูภาคนี้เข้าใจนะ แต่ว่าหากดูมาก่อนคุณจะเข้าใจความสมาคมตัวละคร รู้เรื่องมุกต่างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งจะบันเทิงใจเอ็นหน้าจอยกับมันมากขึ้นมีติดนิดหน่อยตรงที่การตัดสินใจหรือความรู้สึกนึกคิดของตัวร้ายว่า

เอ๊ะ ตกลงมันจะยังไงกันแน่ สิ่งที่ต้องการของมันจริงๆเป็นยังไงหนอ สรุปแล้ว Bad Boys For Life เป็นภาคต่อที่น่ากล่าวยกย่องมากมาย ทำเป็นเข้าอกรู้เรื่องตัวหนังจริงๆคุณตีตั๋วไปดูไม่ผิดหวัง คุณจะได้รับความเบิกบานใจตลอด 2 ชั่วโมงแน่นอน ยิ่งคนไหนกันแน่เป็นแฟนๆแฟรนไชส์นี้ยิ่งห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แถมหนังยังฉลาดหลักแหลมสามารถปูเปิดจักรวาลได้ยาวๆแบบ Fast and Furious เลยทีเดียว (ไปดูเองจะเข้าหัวใจว่าเพราะเหตุไร)

รีวิวหนัง The Cursed Lesson ผีโยคะ

เปิดเผยค่านิยมที่บิดเบี้ยวของประเทศเกาหลี ความงดงามที่จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยความสยดสยอง The Cursed Lesson ผีโยคะ ภาพยนต์แนวสยองขวัญสั่นประสาท ผสมกับความอีโรติกเรท X ที่ชี้ให้เห็นถึงภัยร้ายต่างๆจากการลุ่มหลงในความสวยความงาม และก็ค่าความนิยมที่เหยเกในสังคมประเทศเกาหลี

ควบคุมแล้วก็เขียนบทโดย จอนแจฮง แสดงนำโดย ลีแชยอง, ชอยชุลโฮ, โจจุงมิน, คันมิยอน, ฮันเซมิน The Cursed Lesson ผีโยคะ เรื่องย่อ ฮโยจอง (ลีแชยอง) อดีตนางแบบมีชื่อที่เริ่มตกกระป๋อง เพราะรูปลักษณ์ของคุณเลิกได้รับความนิยม แล้วก็ถูกคิดว่าแก่เกินความจำเป็น กระทั่งเมื่อคุณได้รับข้อแนะนำให้มาที่โยคะสูดิโอแห่งหนึ่ง

ซึ่งมีชื่อเสียงสำหรับในการทำให้สาวๆที่เข้ามาใช้บริการกลับมามีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณดูดีอีกครั้ง ฮโยจองและผู้หญิงอีกสามคนก็เลยตัดสินใจถูกคอร์สโยคะที่สตูดิโอแห่งนี้ แต่ยิ่งพวกเธอฝึกโยคะเพื่อไปให้ถึงความสวยที่เพอร์เฟ็คเยอะแค่ไหน เหตุชวนสยดสยองก็เริ่มเกิดขึ้นรอบข้างของพวกคุณเช่นกันลักษณะเด่นของภาพยนตร์ประเด็นนี้คือเทคนิคการถ่ายทำ

ภาพแล้วก็แสง จัดออกมาได้งาม หนังมีฉากที่น่าทึ่งแล้วก็เรื่องลึกลับต่างๆซึ่งสามารถดึงคนดูด้วยความข้องใจได้ตั้งแต่ต้นกระทั่งจบ อีกหนึ่งข้อดีสำคัญของเรื่องเป็นท่าโยคะที่งาม รวมทั้งที่หนังอยากนำเสนอเป็น รีวิว Deep (2021)  จุดสูงสุดของท่าโยคะ กุณฑลินี (Kun-da-lini) ในเรื่องจะมีการเอ๋ยถึงการบรรลุในระดับกุณฑลินีอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งเป็นคำสันสกฤต หมายความว่าการม้วนขดเหมือนงู โดยหนังสามารถชี้แจงคำนี้ออกมาได้อย่างรู้เรื่อง ว่าเป็นพลังงานของจักรวาลที่อยู่ในจิตวิญญาณ เมื่อพลังงานกุณฑลินีตื่น ความรู้สึกลุ่มหลงมุ่งหมายจะเพิ่มสูงขึ้น จะมีความรู้สึกต้องการเพิ่มมากขึ้นกับคู่สมรสหรือเพศตรงข้าม นำมาซึ่งการก่อให้เกิดฉากอีโรติค 18+ ในเรื่อง

โดยตรงจุดนี้มีนัยยะที่เอ๋ยถึงการถูกข่นขืน เปรียบเสมือนเป็นภัยร้ายของสาวๆในด้านของการแสดง นักแสดงทุกคนในเรื่องสามารถถ่ายทอดความคลั่งและความสยองเลือดสาดออกมาได้น่าประทับใจ ทั้งการถ่ายทอดความรู้สึกกลัวในจิตใจ และความปรารถนาที่จะไปให้ถึงจุดสุดยอดของความงาม

ซึ่งก็มีบ้างที่บางฉากจะขาดความสมเหตุผลไป แต่การแสดงที่สะดุดตาของนักแสดงนำในเรื่อง เป็นสิ่งที่ช่วยล่อใจความรู้สึกของคนดูได้มาก The Cursed Lesson ผีโยคะ โดยรวมแล้วเป็นหนังสยองขวัญภาพสวย เทคนิคการถ่ายทำดี แต่ว่าในแง่ของการเล่าเรื่อง ฉากผีโผล่ หรือจังหวะตุ้งแช่ ยังไม่สะดุดตาแล้วก็น่าประทับใจเท่าไหร่

รีวิว Ip Man 4: The Finale

ไม่น่าเชื่อแบบเดียวกันว่าหนัง Ip Man ที่อ่านว่ายิปมัน ไม่ใช่ ไอ-พี แมน จะเดินทางมาถึง ภาคที่ 4 ได้ จากใจจริงมีความคิดว่ามันจบดีไปตั้งแต่ภาค 2 แล้ว แม้กระนั้นก็ทำภาค 3 ออกมา แถมยังมีภาคแยก Master Z ออกมาอีก และแน่นอนว่าออกมากี่ภาคก็ไปดูอยู่ดี เพราะว่าความมันในฉากแอ็คชั่นก็ยังคงสร้างความเบิกบานใจให้เหมือนเดิมกระทั่งมาถึง Ip Man 4: The Finale ที่แน่นอนว่าเป็นภาคปิดคงไม่มีต่อแล้ว (ก็เขียน The Finale ซะอย่างนั้น)

ถือได้ว่าเป็นเวลานานเช่นเดียวกันที่ทิ้งห่างจากภาค 3 ในปี 2016 กับเรื่องราวบั้นปลายชีวิตของอาจารย์ยิปมันที่ทราบดีว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งจำพวกรุนแรง แต่ตัวเองก็ติดปัญหาอยู่เรื่องเดียวเป็นลูก ที่มีความคิดเห็นสวนทางกัน ยิปมันอยากให้ลูกมีการเรียนรู้ดีๆแต่ว่าลูกอยากเป็นอาจารย์สอนกังฟูเหมือนพ่อ

เลยทำให้ยิปมันตกลงใจเดินทางไปอเมริกาเพื่อหาโรงเรียนให้ลูกเรียน พอเหมาะพอเจาะกับคำเชื้อเชิญของลูกศิษย์อันเป็นที่รักอย่าง บรูซลี ที่ได้เชิญชวนไปดูเขาแข่งขันพอดีพอดี แต่พอเพียงไปที่โน่นก็พบกับปัญหาต่างๆมากมาย รวมถึงการจำเป็นต้องกู้ศักศรีดิ์ของคนจีนในไชท้องนาทาวน์จากทหารอเมริกันสุดโหดเหี้ยมด้วย

ภาคนี้มีใจความสำคัญเล่ามากมายกว่าภาคก่อนๆพอเหมาะพอควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวาระสุดท้ายของตัวยิปมันเอง เรื่องปัญหาภายในครอบครัว เรื่องชาวจีนในสังคมอเมริกา แม้กระนั้นทุกเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นมันกลับถูกถ่ายทอดออกมาได้ธรรมดารวมทั้งเช๊ยเชย คือบทมันเพลเซฟมากจนเกินไป

สูตรสำเร็จมากเกินความจำเป็นจริงๆแม้กระนั้นอย่างไรก็ดีฉากต่อสู้มันก็ยังสนุกอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะมีความรู้สึกว่ามันไม่พีคหรือน่าตื่นเต้นเท่าภาคก่อนๆก่อนหน้าที่ผ่านมาก็ตามที่พวกเราจั่วหัวไปว่าเป็นภาคที่ “อิหยังวะ” เยอะที่สุดแล้ว คือเรื่องแรกที่เห็นได้ชัดๆเลย มันควรมีการต่อสู้กันของทหารอเมริการวมทั้งยิปมัน

ซึ่งมันมีฉากที่ฝั่งอเมริกาบ่นโวยวายว่าเนี่ยการต่อสู้ที่พวกเราใช้คือเก่งที่สุดในโลกไอ้มวยจีนอย่างกังฟูหรือหย่งชุนจะมาสู้ได้ยังไง แต่ไอ้การต่อสู้ที่พวกนายใช้มันคือคาราเต้ ซึ่งมันมีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นไม่ใช่หรอ – – ดูไปดูมาก็รู้สึกตะหงิดๆอย่างไรชอบกลไม่รู้ และ “อิหยังวะ” ต่อมาเป็นการที่ในเรื่องมีกังฟูหลากหลายประเภทมาก

แต่ว่าดันเอามาเหมือนจะพูดว่าหย่งชุนดีเยี่ยมที่สุด รีวิว Deep (2021)  เป็นมีคุณครูคนอื่นต้องมาปะทะฝีมือกับคาราเต้ แต่ดันแพ้หมด เหมือนมวยพวกนั้นกลาเป็นตัวประกอบไปซะแบบนั้น ยังไม่หมดแค่นั้น “อิหยังวะ” ถัดมาเป็นข้อความสำคัญเรื่องบิดาลูกที่คลี่คลายง่ายอย่างยิ่ง รวมทั้งในภาคนี้ไม่รู้เพราะอะไร อะไรนิดอะไรหน่อย

อึกทึกจะหาเรื่องต่อยกันอย่างเดียวเลย อันนี้ไม่สบอารมณ์ไอ้นี่ “มาต่อยกัน” หลายฉากเป็นแบบนี้มากมาย ในใจก็คิดแบบ เอ้อ คนเราหาเรื่องต่อยกันได้ง่ายขนาดนี้เชียวสรุปแล้ว Ip Man 4: The Finale มันคือภาคจบที่ถ้าผู้ที่ติดตามมาตลอดก็อาจจำต้องไปดูแหละ มันก็ยังคงบันเทิงใจ เรื่อยๆมองได้เพลินๆรวมทั้งฉากต่อสู้มันก็ยังคงความเพลิดเพลินอยู่

แต่ว่าอย่างที่บอกมันเพียงแค่ไม่พีคเหมือนภาคก่อนๆแล้ว รวมถึง Finale Fight ที่รู้สึกไม่ได้ประทับใจ ประทับใจ หรือว้าวอะไรเท่าไหร่เลย รวมทั้งหัวข้อดราม่าแต่ละอย่างในหนังมันปกติมากมายๆเพลเซฟเหลือเกินจริงๆมิได้เอามาขยี้เรียกน้ำตา เสมือนเพียงแค่อยากบอกให้ผู้ชมรู้เฉยๆแค่นั้น ฉากที่พวกเรารู้สึกเอ็นหน้าจอยและก็บันเทิงใจกับมันที่สุดในภาคนี้คงจะเป็นฉากต่อสู้ของบรูซลีนั่นแหละ ถึงจะมีน้อย แม้กระนั้นบันเทิงใจสุดละ

กลับสู่หน้าหลัก https://thinng.com/