วิธีรับจํานองที่ดิน

วิธีรับจํานองที่ดิน

วิธีรับจํานองที่ดิน ความหมาย หมายถึง จำนองอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นประกันหนี้สินซึ่งได้ขึ้นทะเบียนจำนอง อสังหาริมทรัพย์ อื่นเป็นประกันไว้แล้ว โดยให้ถือจำนวนเงินที่จำนองและข้อจำกัดข้อตกลงอื่นๆเป็นไปตามสัญญาจำนองเดิมการจำนองเพิ่มหลักทรัพย์เป็นการจำนำตามนัยมาตรา 702 แห่ง เปรียญพ.พ. เหมือนกับ การจดทะเบียนจำพวกจำนำ พูดอีกนัยหนึ่ง เป็นการนำเอาเงินมาเป็นประกันการจ่ายชำระหนี้ แต่ว่า เป็นการจำนำเพื่อเป็นประกันหนี้สิน ซึ่งได้ลงทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์อื่นเป็นประกันไว้แล้ว โดยให้ถือจำนวนเงินที่จำนองและข้อจำกัดข้อตกลงอื่นๆตามคำสัญญาจำนองเดิม ดังเช่นว่า นาย ก. จำนอง ที่ดินแปลงหนึ่งเพื่อเป็นประกันหนี้กู้ยืมเงินที่ นาย กรัม กู้มาจาก นาย ข. จำนวนหนึ่ง ถัดมา นาย ข. มีความคิดเห็นว่าที่ดินที่จำนองราคาถูกมากกว่าจำนวนเงินที่จำนองเป็นประกัน(เงินกู้ยืม) ซึ่งถ้าเกิดบังคับจำนำ จะได้เงินไม่คุ้มกับหนี้ที่จำนำเป็นประกัน จึงให้ นาย กรัม นำที่ดินอีกแปลงหนึ่ง มาจำนองเพิ่มหลักทรัพย์ทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่จำนำ แล้วก็จำนำเพิ่มหลักทรัพย์เป็นประกันหนี้ร่วมกันในหนี้รายเดียวกัน (วงเงินจำนองเดียวกัน) ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า การจำนองเพิ่มหลักทรัพย์เป็นการนำเอา อสังหาริมทรัพย์มาประกันหนี้ร่วมกันในหนี้รายเดียวกัน

วิธีรับจํานองที่ดิน

สำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อสินค้า ไม่ว่าจะบ้าน หรือรถยนต์ หรือกู้เพื่อนำไปประกอบกิจการ เป็นที่รู้กันว่าการขอสินเชื่อจากธนาคารนั้น จำเป็นต้องผ่านหลายกระบวนการ ใช้เอกสารรับรองหลายแบบ เป็นต้นว่า สลิปค่าตอบแทนรายเดือน หลักประกันต่างๆรวมทั้งยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการรอคอยอนุมัติสินเชื่อ แม้กระนั้นถ้าเกิดคุณสมบัติของพวกเราไม่ผ่านหลักเกณฑ์ การขอสินเชื่อก็อาจไม่ผ่าน ได้แก่ พวกเราเคยมีประวัติติด NPL (Non-Performing Loan) ฯลฯ

NPL มีความหมายเช่นไรในการขอสินเชื่อ?การจะขอสินเชื่ออะไรสักอย่าง สถาบันการเงินจึงควรตรวจดูประวัติของผู้ขอสินเชื่ออย่างรอบด้าน เหตุเพราะจำต้องคุ้มครองปกป้องปัญหาหนี้เสีย โดยเรื่องราวที่สถาบันการเงินสำรวจ เป็นต้นว่า รายได้ต่อเดือน ความประพฤติการใช้จ่าย หลักประกันต่างๆรวมทั้งดูความเป็นมาทางด้านการเงินจากเครดิตบูโร (NCB) ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลเครดิตที่สะสมข้อมูลทางการเงินของเราจากสถาบันการเงินต่างๆเอาไว้ (อ่านเพิ่มเกี่ยวกับเครดิตบูโร)

ทำให้สามารถดูได้ว่าเรามีการจ่ายหนี้เช่นไร ติด NPL ไหม ถ้าเราติด NPL ก็จะมีผลให้สถาบันการเงินมีทิศทางที่จะไม่ให้สินเชื่อ หรืออาจเสนอสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่สูงกว่าคนทั่วไปจะเห็นได้ว่าประวัติความเป็นมาทางการเงินของเรามีความสำคัญมากในการอนุมัติสินเชื่อ ทางที่ดีไม่ควรที่จะทำให้ความเป็นมาด้านการเงินเสีย ถ้ามีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าผ่อนส่งได้จริงๆควรจะสนทนากับทางแบงค์เพื่อขอต่อรอง

หรืออาจรีไฟแนนซ์เพื่อเพิ่มระยะเวลาการคลายจ่ายกรณีเป็นสินเชื่อบ้านหรือรถยนต์ ดีกว่าการปลดปล่อยให้ประวัติของพวกเราเสียด้วยเหตุว่าจะมีผลให้ลำบากในอนาคต เพราะว่าอาจจะเป็นผลให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในสิ่งจำเป็น ไหมสามารถกู้ไปโปะหนี้ ได้แก่ หนี้สินบัตรเครดิตได้ และก็อาจจะส่งผลให้รู้สึกหมดหนทางกระทั่งจำเป็นต้องไปกู้หนี้สินนอกระบบที่ดอกแพงกว่ามากมาย เปลี่ยนเป็นวงจรหนี้ที่ไม่สิ้นสุดเลยทีเดียว

คนที่ทำงานหนักมาหลายปีก็คงวาดวิมานในอากาศถึงชีวิตข้างหลังวัยเกษียณอายุที่เป็นสุข แม้กระนั้นดังนี้ชีวิตหลังวัยเกษียณจะมีความสุขหรือต้องอดออมขึ้นอยู่กับการเก็บออมเงินในตอนวัยทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกจ้างของบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสวัสดิการด้านบำเหน็จบำนาญข้างหลังเกษียณเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ การออมเงินไว้สำหรับการใช้จ่ายหลังปลดเกษียณนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะฉะนั้นกองทุนสำรองดำรงชีวิตก็เลยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้รับจ้างได้ออมเงินไว้ใช้จ่ายข้างหลังเกษียณนั่นเองกองทุนสํารองเลี้ยงชีวิต (Provident Fund) เป็นยังไง?กองทุนสำรองดำรงชีพเป็นกองทุนนายจ้างและลูกจ้างตั้งด้วยกัน เพื่อให้ผู้รับจ้างได้เก็บออมเงินไว้ใช้จ่ายตอนเกษียณอายุ โดยเงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนเรียกว่า “เงินสะสม” รวมทั้งเงินที่นายว่าจ้างจ่ายเข้าอีกส่วนเรียกว่า “เงินอุดหนุน”

ซึ่งเป็นสวัสดิการส่วนหนึ่งที่นายจ้างมีให้แก่ผู้รับจ้าง และก็นับว่าเป็นหลักประกันทางการเงินอย่างหนึ่งที่บริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจต่างๆมีให้ผู้รับจ้าง ภายใต้อำนาจบังคับดูแลของรัฐบาลผ่านกฎหมาย “พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”คุณประโยชน์ซึ่งมาจากกองทุนสํารองดำรงชีวิต

1. ผลประโยชน์จากเงินสะสมในกองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสำหรับเพื่อการบริหารกองทุนคอยดูแล ทำให้มีเงินงอกงามแล้วก็เฉลี่ยให้กับสมาชิกในกองทุนได้

2. ผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนโดยส่วนมากแล้วเงินสมทบจากนายจ้างจะมีอัตราเยอะขึ้นตามอายุงาน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละบริษัทมีกติกายังไง

3. ผลตอบแทนทางภาษีแบ่งได้ตามอายุที่เป็นพวกกองทุน ดังต่อไปนี้เป็นพวกกองทุนไม่ถึง 5 ปียังมิได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนของเงินสะสมยังไม่สามารถที่จะใช้หักภาษีได้ แต่สามารถนำผลตอบแทนจากเงินเก็บและเงินสมทบไปรวมกับรายได้อื่นเพื่อหักภาษีได้เป็นพวกกองทุนเกิน 5 ปี และก็ออกจากงานก่อนอายุ 55 ปีนำเงินช่วยเหลือและผลประโยชน์จากเงินเก็บนำไปคำนวณเป็นรายได้เพื่อหักภาษี อสังหาริมทรัพย์ โดยไม่รวมกับรายได้อื่น ส่วนเงินได้ที่เหลือสามารถหักค่าใช้จ่าย 50% แล้วนำมาคำนวณภาษีเป็นสมาชิกกองทุนเกิน 5 ปี และก็ออกจากงานเพราะปลดเกษียณ พิกลพิการทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตในกรณีนี้จะได้รับการละเว้นภาษี

4. สิทธิ์สำหรับการอาจจะเงินไว้ในกองทุนสำรองดำรงชีพในเรื่องที่ลาออกจากงานหรือเกษียณแต่ยังไม่ต้องการเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์เพื่อแจ้งคงจะเงินเอาไว้ ในกรณีเกษียณสามารถขอรับเงินกองทุนเป็นงวดได้ราวกับเบี้ยบำนาญอีกด้วย แต่ควรจะตรวจดูค่าธรรมเนียมเพราะคุ้มค่าหรือเปล่า

5. สามารถโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปที่กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)กองทุนเพื่อการดำรงชีพนั้น พวกเราสามารถเลือกแนวนโยบายลงทุนได้เอง แล้วก็ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีราวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และก็อายุการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถนับรวมกับอายุการเป็นพวก RMF ได้ด้วย แต่ว่าเงินกองทุนสำรองดำรงชีพที่โอนไป RMF ไม่สามารถที่จะนำไปหักผ่อนผันภาษีได้

การรับเงินจากกองทุนสํารองดำรงชีพในกรณีที่ออกจากงานก่อนอายุ 55 ปี หรือปลดเกษียณ ผู้รับจ้างที่ทำงานถึง 1 ปีจะได้รับเงินสะสม เงินสมทบ รวมทั้งผลประโยชน์จากเงินสะสม ถ้าเกิดดำเนินงานไม่ถึง 1 ปีจะได้เพียงแต่เงินสะสมของตนเพียงแค่นั้น โดยทั้งคู่กรณีจะต้องเสียภาษีด้วยถ้าหากไม่ต้องการรับเงินออกจากกองทุนในทันที มีสองกรณีเป็นคงเงินไว้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของผู้ว่าจ้างต่ออีก 1 ปี

กรณีช่วยอำนวยความสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงงาน รวมทั้งเมื่อได้งานใหม่สามารถโยกย้ายเงินไปยังกองทุนสำรองของนายจ้างใหม่ได้ แต่ก่อนจะโยกย้ายจะไม่มีเงินสมทบจากเจ้านายเดิมโอนย้ายไปยังกองทุนรวม RMFการย้ายไปยังกองทุนรวม RMF จะมีผลให้เลือกแนวนโยบายการลงทุนได้เอง แล้วก็ได้สิทธิประโยชน์เรื่องภาษีเหมือนกองทุนสำรองเลี้ยงชีวิตกองทุนสำรองดำรงชีวิต (Provident Fund)

ถือเป็นผลประโยชน์ที่มีประโยชน์มากสำหรับลูกจ้างในบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะจะได้ฝึกฝนวินัยสำหรับเพื่อการออมเงิน และก็ยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆดังเช่นว่า เงินผลประโยชน์จากเงินเก็บโดยที่ไม่ต้องบริหารจัดแจงเกี่ยวกับกองทุนด้วยตัวเอง รวมทั้งสิทธิในการผ่อนผันภาษี

ประเภทของธุรกิจชนิดของธุรกิจสามารถแบ่งได้สำคัญๆ

เป็น แบบบุคคลปกติ เป็นต้นว่า กิจการผู้ครอบครองคนเดียว ห้างหุ้นส่วนสามัญ และก็ แบบนิติบุคคล ดังเช่นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด

1. จำพวกของธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา

1.1 ธุรกิจผู้ครอบครองคนเดียวธุรกิจที่มีเจ้าของผู้เดียว ค่าของกิจการไม่สูงมาก มีการขึ้นทะเบียนการค้าขายแบบบุคคลธรรมดา การตัดสินใจต่างๆและก็เรื่องผลกำไรหรือขาดทุนก็มีผลต่อเจ้าของกิจการเพียงผู้เดียว ตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านชำที่พวกเรามองเห็นได้ทั่วๆไป

1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญลักษณะธุรกิจคล้ายกับกิจการค้าผู้ครอบครองคนเดียว เพียงแค่มีผู้ร่วมธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีสิทธิ์สำหรับในการตัดสินใจ ผลจากกำไร แล้วก็การขาดทุนเท่าๆกันซึ่งห้างหุ้นส่วนสามัญจะต่างกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตรงที่ไม่ได้จดทะเบียน ทำให้มีสถานะเป็นคณะบุคคลนั่นเองธุรกิจ (Business)

2. จำพวกของธุรกิจแบบนิติบุคคล

2.1 ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนและก็ห้างหุ้นส่วนจำกัดลักษณะธุรกิจคล้ายกับห้างหุ้นส่วนสามัญ คือมีผู้ร่วมธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพียงแค่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ความต่างคือ หุ้นส่วนมีความรับผิดชอบแตกต่างกันหมายถึงแบบรับผิดชอบในหนี้แบบจำกัด โดยรับผิดชอบไม่เกินเงินที่ได้ลงทุน แม้กระนั้นไม่มีการสิทธิการตัดสินใจในธุรกิจการค้า ส่วนแบบรับผิดชอบในหนี้ไม่จำกัด โดยรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัดปริมาณ แต่มีสิทธิสำหรับเพื่อการตกลงใจต่างๆ

2.2 บริษัทจำกัดธุรกิจที่มีผู้ร่วมดำเนินงานตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มีหุ้นส่วนในปริมาณเท่าๆกัน ซึ่งเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” ซึ่งรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุน บริษัทจำกัดจะต้องลงทะเบียนเป็นนิติบุคคล ธุรกิจประเภทนี้เหมาะสมกับกิจการค้าที่มีรายได้หรือมูลค่าสูง มีความเป็นสากลเนื่องจากมีการก่อตั้งคณะกรรมการบริษัทขึ้นมาบริหารแล้วก็ตกลงใจการปฏิบัติงานต่างๆ

2.3 บริษัทมหาชนจำกัดบริษัทจำกัดที่นำหุ้นออกวางขายให้บุคคลทั่วไปซื้อ และร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทได้ตามรูปทรงที่ซื้อ ซึ่งหุ้นดังที่กล่าวมาแล้วสามารถขายต่อให้คนอื่นได้ตามราคาหุ้นในตลาดค้าหุ้น เดิมทีบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 100 คน แต่ว่าตอนนี้ควรมีผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 15 คน

2.4 หน่วยงานธุรกิจจัดตั้งหรือขึ้นทะเบียนภายใต้ข้อบังคับเฉพาะหน่วยงานธุรกิจตั้งขึ้น มีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป หุ้นแต่ละหุ้นมีมูลค่าเสมอกัน การชำระค่าหุ้นคือจ่ายครั้งเดียวเต็มจำนวน และก็ผู้ตัดสินของบริษัทไม่น้อยกว่า 5 คน โดยลักษณะของธุรกิจมีดังนี้ ธุรกิจการกสิกรรมหมายถึงแนวทางการทำไร่ ทำสวน ปศุสัตว์ ธุรกิจอุตสาหกรรม ทั้งยังในครัวเรือน แล้วก็อุตสาหกรรมโรงงาน

ธุรกิจบ่อแร่ ธุรกิจการพาณิชย์ ธุรกิจการก่อสร้าง ธุรกิจการคลัง ธุรกิจการให้บริการ ธุรกิจของกิน ธุรกิจอื่นๆตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างแพทย์ วิศวกร นักออกแบบ เป็นต้นกระบวนการทำธุรกิจไม่ว่าจะชนิดไหนก็ตาม การเขียนทะเบียนการค้าจะก่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างแม่นยำตามกฎหมาย อีกทั้งช่วยให้ธุรกิจมีความน่าไว้วางใจ คู่ค้าพึงพอใจลงทุนมากขึ้นเนื่องจากมองมีหลักประกันมากกว่าธุรกิจที่ได้มิได้ลงบัญชีทางการค้าอะไรก็ตาม(อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับการเขียนทะเบียนการค้า)

การใช้แรงงาน Internet Banking (อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง) และก็ Mobile Banking (โมบายแบงก์กิ้ง) เพื่อทำธุรกรรมทางด้านการเงินมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกของคนภายในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะทำให้แนวทางการทำธุรกรรมทางการเงินไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เพียงมีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค หรือสมาร์ทโฟนที่สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ซึ่งการใช้แรงงานก็เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ที่เป็น Internet Banking หรือโหลดแอพพลิเคชั่นที่เป็น Mobile Banking ของธนาคารที่พวกเราเปิดบัญชีเงินออมไว้ เท่านี้ก็จะไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาคอยคิวที่ธนาคาร จำนองที่ดินกรุงเทพ สามารถทำรายการต่างๆไม่ว่าจะ โอนเงิน จ่ายบิล เช็คยอดเงิน ตรงไหน เมื่อไหร่ก็ได้ และไม่ทำให้เปลืองทรัพยากรกระดาษอีกด้วย

Internet Banking (อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง) เป็นอย่างไร?

Internet Banking (Online Banking หรือ i-Banking) หรือในภาษาไทยเป็นคำว่า “ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งชี้แจงให้เข้าใจง่ายๆเป็น “แบงค์ออนไลน์” นั่นเอง ด้วยเหตุว่าลูกค้าสามารถทำธุรกรรม เป็นต้นว่า โอนเงิน สอบถามยอด ผ่านทางเว็บของแบงค์ได้เลย โดยมีความปลอดภัยสูง อำนวยความสะดวกรวดเร็วทันใจกับลูกค้ามากขึ้น แล้วก็ยังช่วยให้ประหยัดทรัพยากรกระดาษด้วยโดยแต่ละธนาคารจะมีชื่อเรียก Internet Banking แตกต่างกัน

อย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทยเรียกว่า K-Cyber Banking ส่วนธนาคารไทยการค้าเรียก SCB Easy Netการสมัครใช้งาน Internet Bankingนำสมุดบัญชีของเราไปยังสาขาใดก็ได้ของธนาคารแล้วแจ้งขอเปิด Internet Bankingรับชื่อแล้วก็รหัสผ่านการใช้แรงงาน ซึ่งสำหรับเพื่อการเข้าสู่ระบบทุกคราวต้องกรอกข้อมูลนี้มีการเพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยระบบ OTP หรือ One Time Password ซึ่งใช้ยืนยันตัวอีกที โดยแบงค์จะส่งรหัส OTP มายังเบอร์โทรที่โล่งแจ้งไว้ผ่าน SMSขั้นตอนการใช้งาน Internet Banking ให้ไม่เป็นอันตรายหมั่นเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านอยู่เป็นประจำหลบหลีกการใช้แรงงานผ่าน Wi-Fi สาธารณะ เพราะได้โอกาสข้อมูลรั่วไหลมากกว่าหมั่นสำรวจยอดเงินในบัญชี Log out ทุกหนเมื่อเลิกใช้งาน

Mobile Banking (โมบายแบงก์กิ้ง) เป็นยังไง?

Mobile Banking คล้าย Internet Banking เพียงแต่คือการใช้บริการผ่านแอพลิเคชั่นของธนาคาร ทำให้สามารถโอนเงิน ซักถามยอดในบัญชี ซื้อสินค้าและบริการ จ่ายใบเสร็จรับเงินต่างๆผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนได้เลยซึ่งแต่ละแบงค์มีการปรับปรุงแอพพลิเคชั่น Mobile Banking ให้อำนวยความสะดวกในการซื้อขายของออนไลน์เยอะขึ้นเพื่อกับพฤติกรรมการใช้แรงงานของผู้ใช้ในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น K PLUS ของแบงค์เกษตรกรไทย