ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก รีวิว 10 หนังที่สร้างจากเรื่องจริง สนุก น่าดู

ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก

ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก Transformers: Rise of the Beasts: กระตุกชีพแฟรนไชส์จักรกลฆ่า ที่ไปไกลกว่าเพียงแค่หุ่นเหล็กยักษ์ตีกันคนเขียนกับท่านคนอ่านก็คงจะคิดคล้ายกันครับว่า ภาพจำท้ายที่สุดของหนังแฟรนไชส์หุ่นยนต์เอเลี่ยนตีกัน ‘Transformers’ ก็อาจหนีไม่พ้นฉากที่หุ่นตะน้อนบัมเบิ้ลบี (Bumblebee) สลับตัวเองจากรถยนต์โฟล์กสวาเกน ไปเป็นรถยนต์มัสเซิลคาร์สุดหรู Chevrolet Camaro ใน ‘Bumblebee’ (2018) เป็นคิดออกเท่านั้นจริงๆจะว่านักเขียนความจำสั้นก็ได้นะครับ แต่ว่าก็รับสารภาพตรงๆเลยว่า แม้ว่าจะมองมาครบแล้วทุกภาค

แต่ว่าเนื่องจากว่าภายหลังจาก ‘Transformers’ (2007) ภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อๆมา มันก็เบาๆเปลี่ยนแปลงจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมันระเบิดละลานตาในสไตล์พ่อ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผสมกลิ่นหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) แปลงเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดเทือกเขาเผากระต๊อบวินาศสันตะโร (รวมทั้งขายสินค้าเล่น) แบบดาดดื่น กับมุกขำขันล้นๆเปื้อนๆไม่มีเสน่ห์ ความไม่มีเหตุผลของนักแสดง รวมทั้งเส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายกระทั่งไม่ทราบจะจับเอาที่ไหนมาจำจริงๆ(จะมีเว้นเสียแต่ก็ ‘Bumblebee’ ที่มีลักษณะอาการบทหลุดๆบ้าง แม้กระนั้นก็จัดว่ามองได้แบบเพลิดเพลินๆ)

ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก แน่ๆล่ะว่า ด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี แถมทุนสร้างที่สูงขึ้นในแต่ละภาค

แต่ว่าดันทำรายได้สวนตกเหว (แม้กระทั่งทำรายได้ให้ค่ายมากมายโขอยู่) ประกอบกับตอนแถวนั้น เทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโรก็กำลังขาขึ้นพอดิบพอดี แฟรนไชส์หนังหุ่นตีกันชุดนี้ก็เลยขาขึ้น (มาก่ายหน้าผากบ้าง) อยู่นาน จนถึงมาปีนี้ล่ะ จู่ๆParamount Pictures ก็ขุดแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกทีในรอบ 6 ปี ใน ‘Transformers: Rise of the Beasts’ หรือ ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: เกิดจักรกลยักษ์’ ที่ภาคนี้จะปฏิบัติภารกิจเป็นอีกทั้ง Sequel หรือภาคต่อจากหนัง ‘Bumblebee’ และก็ปฏิบัติภารกิจครึ่งๆHard Reboot รีเซตจักรวาลใหม่ที่จะมีเส้นเรื่องเป็นของตนเอง มิได้เกี่ยวเนื่อง และไม่ใช่ภาคต่อจากหนังจักรวาลพ่อเบย์ 5 ภาคแรกอะไร

‘Transformers: Rise of the Beasts’ ยังคงได้ 2 พ่อผู้ให้กำเนิดแล้วก็จุดการบรรลุผลให้กับแฟรนไชส์นี้ในอดีตกาล ทั้งยังสปีลเบิร์ก และก็พ่อเบย์ ที่ยังคงมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ใหญ่นะครับ ส่วนเก้าอี้ผู้กำกับ ได้แฟนเดนตายทรานส์ฟอร์เมอร์ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ (Steven Caple Jr.) ผู้กำกับหนังมวย ‘Creed II’ (2018) มานั่งแท่นรับหน้าที่ โดยในภาคนี้ แฟนคลับ‘Transformers’ อาจจะคุ้นอยู่แล้วล่ะว่า ตัวหนังได้แรงผลักดันเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นจักรกลฟอร์มสัตว์ป่า จากแอนิเมชันสามมิติ ‘Beast Wars: Transformers’ (1996–1999) มาอยู่ในแบบอย่างหนัง Live Action เป็นครั้งแรก ซึ่งน้องๆบางทีอาจจะไม่คุ้นชื่อ แม้กระนั้นคนอายุแถบ30 ปีขึ้นคงจะคุ้นกับการ์ตูนหัวข้อนี้ ตอนเอามาฉายถ่ายทอดทางช่อง 7 บ้างล่ะ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก

เรื่องราวของหนังเริ่มในปี 1994 ภายหลังสถานะการณ์ใน ‘Bumblebee’ ราว 7 ปี ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก

ณ เมืองบรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออดีตกาลพลทหารชายหนุ่มเชื้อสายลาติน โนอาห์ ดิแอซ (Anthony Ramos) อยากได้ออกไปพบงานทำเพื่อช่วยเหลือแม่ บรีนทุ่งนา ดิแอซ (Luna Lauren Velez) และก็น้องชาย คริส ดิแอซ (Dean Scott) แม้กระนั้นไปสมัครงานที่แหน่งใดก็ไม่มีผู้ใดรับ วันหนึ่ง ชะตาชีวิตพานาชูระจอกอย่างเขาให้ไปพบกับ ไม่ราจ (Pete Davidson) รถยนต์ Porsche 964 Carrera RS 3.8 สีเงินคาดแถบสีน้ำเงินสุดเฟี้ยว หนึ่งในหุ่นรบออโตบอตที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก ร่วมกับ ออปว่ากล่าวมัส พนาม์ (Peter Cullen) หุ่นรบหัวรถบรรทุกหัวลาก Freightliner FLA ปี 1987 หัวหน้าของกรุ๊ป อาร์ซี (Liza Koshy) หุ่นรบสาวซิ่ง Ducati 916 รวมทั้งตะน้อนบัมเบิลบี Chevrolet Camaro สีเหลือง-ดำคนดีคนเดิม ที่กำลังหาวิถีทางกลับดาวไซเบอร์ทรอน

ในเวลาเดียวกัน เอเลนา วอลเลซ (Dominique Fishback) นักโบราณคดีสาวผู้ทำงานในพิพิธภัณฑสถานโบราณคดีวิทยา ได้เจอกับเค้าเงื่อนบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เกิดสิ่งมีค่าที่เรียกว่า

ทรานสวอป คีย์ (Transwarp Key) กุญแจซึ่งสามารถพาไปยังมิติต่างๆได้ทั่วจักรวาล ฝั่งออโตบอตเองก็อยากได้เอาไว้พากลับไซเบอร์ทรอนถิ่นกำเนิด แต่ว่าฝั่งเทอร์เรอร์คอนส์ผู้เลวร้าย ก็ปรารถนากุญแจนี้ เพื่อยูนิครอน (Coleman Domingo) สิ่งมีชีวิตโคตรใหญ่โต ใช้เดินทางเพื่อไปกลืนรับประทานดาวทั่วทั้งยังจักรวาลได้ด้วยด้วยเหมือนกัน

ก็เลยได้ส่งสเกิร์จ (Peter Dinklage) ลูกสมุนจอมชั่วร้ายมาตามไล่ล่า ตอนที่แอเรเซอร์ (Michelle Yeoh) หุ่นรบอินทรี ผู้แทนของเผ่าแม็กซิมัล ก็ได้พาเหล่าออโตบอต รวมถึงโนอาห์ แล้วก็เอเลนา มาพบเห็นกับเหล่าแม็กซิมัลรุ่นในที่สุดที่ลี้ภัยมายังโลก อาศัยอยู่ในป่าแถบประเทศเปรู เพื่อหวังประสานมือด้วยกันตามหาทรานสวอป คีย์ และก็คุ้มครองโลกก่อนจะโดนยูนิครอนกลืนรับประทาน

ไม่ว่าจะเรียก ‘Rise of the Beasts’ ว่าเป็นภาคต่อของ ‘Bumblebee’ หรือจะดูมันว่าเป็น

Soft Reboot ด้วยการถือเอาส่วนประกอบเดิมมาเล่าผ่านผู้แสดงใหม่ราวกับตอนยุคภาค 4 แล้วก็ภาค 5 หรือจะคิดว่ามันเป็น Hard Reboot ที่ตั้งดวงใจจะวางทางเพื่อหลีกห่างจากจักรวาลพ่อเบย์ ด้วยการวางเส้นเรื่องทั้งสิ้นเป็นของตนเองก็ตามแต่ แล้วก็เอาเข้าจริง ว่ากันตามจริง ตัวหนังภาคนี้ก็ยังคงใช้ส่วนประกอบ แนวทางคิด กลิ่น กระบวนการเล่า และก็ฟอร์แมตบางอปิ้งจากจักรวาลพ่อเบย์

สืบทอดมาอยู่ในภาคนี้มาแบบเต็มๆและก็หลายท่านดูแล้วก็อาจจะคิดถึงภาคแรกไม่น้อยล่ะ เนื่องจากภาคนี้ก็พูดได้ว่าแทบขอยืมเส้นเรื่องรวมทั้งแนวทางเล่าในแบบภาคแรกมาใช้เลย โดยยิ่งไปกว่านั้นธีมเด็กผู้ชายกับสิ่งมีชีวิตแปลก (ที่ชักชวนให้ระลึกถึง E.T. ล้านๆเปอร์เซนต์) เพียงแต่ไม่มีสาวชวนมองแล้วเท่านั้นเอง (ว้า…)

แม้กระนั้นก็จำต้องสารภาพว่า ตัวหนังก็มองเห็นความพากเพียรที่จะแปลความหมายและก็แปลงปรับอัปเดตแฟรนไชส์ ‘Transformers’ ใหม่ในเนื้อหานิดๆหน่อยๆทั้งยังการปรับออกแบบหุ่นรบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ่นพนาลัยม์ ที่ปรับให้มีความเหมือนกับเวอร์ชันการ์ตูน (G1) และก็การปรับค้างแรกเตอร์ของเหล่าบรรดาหุ่น ที่ตอนแรกในจักรวาลพ่อเบย์จะมีระยะห่างมากมายหน่อย เพียงพอมาภาคนี้ก็จะมีความสนิทสนมมนุษย์ มีความเป็นคน มีความรู้สึกพิจารณามากขึ้นเรื่อยๆ จากออปติเตียนมัส ไพร์ม หุ่นรบอ่อนโยนๆให้มองมีทรงแบบหัวหน้าจอมหัวร้อน

และก็เบียวมากมายๆด้วย ด้วยเหตุว่าคำพูดคำจาพี่แต่ละคำนี่มันช่างเบียวลำพองใจจริงๆหรือแม้กระทั้งไม่ราจ ที่ พีท เดวิดสัน ก็รับหน้าที่บรรยายเสียงได้ยียวนมากมายๆซึ่งตัวหนังพากเพียรจะดันให้ไม่ราจขึ้นมาเป็นเพื่อนกับมนุษย์ แล้วก็วางเส้นเรื่องมิตรภาพของไม่ราจกับโนอาห์

ลักษณะเดียวกันกับบัมเบิลบีในภาคที่แล้ว ไม่ราจก็เลยจะต้องเปลี่ยนมาเป็นตัวจี๊ดตัวตึง เป็น MVP ประจำภาคที่คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกชื่นชอบ จนกระทั่งเกือบจะไม่จำเป็นที่จะต้องมอง ‘Bumblebee’ มาก่อนก็มองภาคนี้เข้าใจ

อีกจุดที่คนเขียนมีความรู้สึกว่าคนจำนวนไม่น้อยก็อาจรู้สึกไม่น้อยกับภาคนี้แน่นอน

ล่ะ ก็คือบรรดาฉากแอ็กชันขอรับ ซึ่งเอาเข้าจริงภาคนี้มันก็ยังคงมีความเป็น Bayhem หน่อยๆตามอิทธิพลโปรดิวเซอร์นั่นแหละ แม้กระนั้นสิ่งที่ต่างอย่างชัดเจนเป็น ภาคนี้เป็นหนังสเกลกลางที่มิได้ย้ำหวือหวาแบบระเบิดเขาเผากระต๊อบแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากแอ็กชันตอนไคลแม็กซ์ ที่นับว่าทำเป็นสนุกสนานแล้วก็ละลานตา เพียงแต่ว่าบางทีอาจจะมิได้มีฉากยอดเยี่ยม หรือมีมุมกล้องถ่ายภาพ-ตัดต่อหวือหวาเท่าของพ่อเบย์ ถ้าหากผู้ใดกันถูกใจความตระการตาแบบทะลุอาคาร ระเบิดรถยนต์ ก็บางครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกว่ามันจืดชืดไปหน่อย

แม้กระนั้นถ้าเกิดคนไหนกันพึงพอใจกับเรื่องราวในแบบไม่ต้องเน้นย้ำแอ็กชันหวือหวา มีกลิ่นความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรหน่อยๆเท่านี้ก็จัดว่าละลานตารวมทั้งตื่นเต้นกว่าฉากแอ็กชันใน ‘Bumblebee’ มากมายๆแล้วล่ะ ถึงแม้ภาคนี้จะแอบมองเห็นบางซีนที่ CGI ไม่ค่อยเสถียร สักครู่ดีสักครู่หลุดบ้าง แต่ว่าก็นับว่าเพียงพอยอมรับได้นะ

ส่วนในทางบท แม้ว่าจะมีวัตถุดิบจากการแปลความใหม่ที่จัดว่าสดใหม่และไม่ชั่วช้าสารเลวเลย บ้านผลบอล รวมทั้งนักเขียนก็เชื่อลึกๆว่ามันก็หนักแน่นพอที่จะให้ไปต่อได้อีกหลายภาค แม้กระนั้นโดยองค์ประกอบสำคัญๆก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริงๆว่า พล็อตของตัวหนังก็ยังมิได้มีอะไรที่แปลกใหม่อะไรขนาดนั้น ถึงแม้ว่าการเล่าจะบากบั่นวางจุดพลิกล็อกให้ได้ลุ้นตลอดทาง แทรกกรรมวิธีดำเนินเรื่องแบบหนังสยองขวัญ แทรกมุกขำขันแกล้มบางๆแทรกเพลงฮิปฮอปสมัย 90s ที่ผู้กำกับคัดเลือกมาเองกับมือ ซึ่งนับว่าเป็นของใหม่ๆที่ไม่เคยมีในภาคก่อนๆแม้กระนั้นส่วนประกอบบทรวมทั้งพล็อตโดยรวม ก็ยังคงเล่าด้วยบทที่เป็นสูตรสำเร็จตามแบบฉบับ ‘Transformers’ ค่ะๆไม่บิดพลิ้ว

ตัวหนังยังคงเล่าด้วยพล็อตภารกิจการตามหาข้าวของล้ำค่าของไซเบอร์ทรอคอยเนียน

เพียงแต่ว่าภาคนี้มีการเพิ่มบทให้มนุษย์เข้าไปมึส่วนร่วมกับภารกิจเยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างแจ่มแจ้ง ปลอดทหารหรือกองทัพมารอยุ่มย่ามและจากนั้นก็ไม่มานะทำให้ออโตบอตมีความเชี่ยวชาญขั้นเทวดาราวกับภาคก่อนๆด้วย แม้กระนั้นมีเส้นเรื่องที่ทำให้ออโตบอตรู้จะแพ้เป็น มีเงื่อนฝังใจ มีช็อตที่หดหู่แบบขั้นสุด ทำให้ตัวหนังมีกลิ่นหนังแอ็กชันเสี่ยงอันตรายล่าโภคทรัพย์สูตรสำเร็จแบบ ‘Indiana Jones’ ที่ซัดกันด้วยเส้นเรื่องแล้วก็แอ็กชันแบบตรงๆเน้นย้ำๆและก็มีพาร์ผายลมราม่าที่ทายใจไม่ยาก ย้ำมองสนุกสนานเพลิดเพลินๆไม่มีเส้นเรื่องรองผีบ้าผีบอ ไม่มีอาการตัดต่อมึนหัว มองไม่รู้เรื่องว่าใครกันแน่ตีกับผู้ใดกันแน่ราวกับภาคก่อนๆ

แม้กระนั้นก็จะมีจุดพินิจเรื่องบทอยู่พอควรเช่นกันครับผม จุดที่คนเขียนเห็นว่าหนังภาคนี้ยังทำเป็นไม่รัดกุมมากพอก็คือ การปูเรื่องความเกี่ยวเนื่องทั้งยัง คน-คน, คน-หุ่นยนต์ รวมทั้งหุ่นยนต์-หุ่นยนต์ ที่จะลากเข้าไปสู่เงื่อนดราม่าที่ในหนังปูทางเอาไว้ และก็ช่วยเข้ามาเพิ่มให้หนังมองมีความรู้สึก มีหัวใจมากขึ้น ไม่แข็งทื่อเสมือนหนังพ่อเบย์ โดยยิ่งไปกว่านั้นคู่คิด โนอาห์-ไม่ราจ ที่เป็นตัวเพิ่มเติมสีสันให้หนังสนุกสนานแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นกอง แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า ความยาว 2 ชั่วโมงนิดๆมันก็ทำให้หนังมันสั้นเกินกว่าจะปูเรื่องความเกี่ยวพันในแบบเชิงลึกของแต่ละผู้แสดง

แล้วก็ความเกี่ยวเนื่องในลักษณะต่างๆให้ผู้ชมรู้สึกอินรวมทั้งอิ่มเอมได้สะอาดเสมอกันกับ ‘Bumblebee’ ที่มีความน่ารักน่าเอ็นดูแล้วก็ทัชใจมากกว่า เปลี่ยนเป็นมวลบรรยากาศความเกี่ยวเนื่องเอวบางร่างน้อยๆที่มิได้ชักชวนให้เข้าถึงพาร์ผายลมราม่าได้สุดกำลังมากเท่าไรนัก