ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง รีวิวซีรีย์ แนะนำหนังใหม่

ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก

ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก หนัง “อาตมภาพฟ้าผ่า” ความเฮฮาบางทีอาจไม่หวือหวา แต่ละสายตามิได้!ความเพลิดเพลินตอนเมษายน และก็วันหยุดวันสงกรานต์ 2023 นี้ กำลังรอแฟนคลับทุกคนมารับดู กับภาพยนตร์ตลกไทย “อาตมภาพฟ้าผ่า” จากการประสานมือด้วยกันของสามผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ของแวดวงหรรษาไทย เอ็ม พิคพบร์ส, บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) แล้วก็ บริษัท หน แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (เมืองไทย) จำกัด หนังใหม่ 2023 “อาตมภาพฟ้าผ่า” จะมาสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม มีอีกทั้งมุกตลกโปกฮา รวมทั้งแง่คิดสำหรับเพื่อการดำรงชีวิตเติมแต่งเข้ามาอย่างกลมกล่อมละมุนละไม รุมล้อมไปด้วยความสนุกสนานร่าเริงจากเหล่าดาราที่คนกองทัพมาอย่างแน่น

ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก อาตมภาพฟ้าผ่า

เกิดเรื่องราวของ พระจืดชืด (โอ๊ต ปราโมช) พระที่มีชะตากรรมพิศดาร เขาจำต้องมาวิ่งหนีฟ้าผ่าเพราะเหตุว่าดันไปผูกบาปร่วมกับหมอปราบผีที่ชื่อ ปักเป้า (ปิอป ปองเราล) ไว้ภายในอดีตชาติ แม้แพทย์ปักเป้าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ วิบากกรรมทั้งสิ้นก็จะเกิดขึ้นกับพระจืดชืด แถมแพทย์ปักเป้าดันไปสาบานให้ฟ้าผ่า เพื่อเอาอกเอาใจสาวที่ตนเองจีบ พระจืดชืดเลยโดนลูกหลงถูกฟ้าผ่าไปด้วย ก็เลยกำเนิดเกิดเรื่องราวชุลมุนวุ่นวายของพวกเขาที่จะต้องผ่านผ่านปัญหานี้ไปร่วมกัน

เริ่มต้นความฮามาด้วยการนำเข้าประเด็นธรรมะแบบจังหวะโบ๊ะบ๊ะกับคณะทำงานลูกศิษย์วัดใกล้เคียงพระจืดชืด ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก

พร้อมการมัดเงื่อนของผู้แสดงในทันทีทันใด ทั้งยังเรื่องครอบครัวของพระจืดชืด คาแรคเตอร์พระขำขัน ก็เลยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมา ก่อนที่จะไปสู่เงื่อนหลักของเรื่องอย่างเร็ว สำหรับการที่พระจืดชืดจำต้องรับบาปจากที่แพทย์ปักเป้าก่อขึ้น รวมทั้งมีการดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย มีเงื่อนแล้วจะต้องมีวิธีแก้อย่างไรบ้าง ตัวบทก็เล่าออกมาแบบจะๆไม่สลับซับซ้อน พร้อมด้วยการเดินหน้าสู่วิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อพระจืดชืดเริ่มเดินทาง พร้อมทั้งการเกาะติดด้วยกลุ่มลูกศิษย์วัด ในส่วนนี้สามารถเรียกรอยยิ้มออกมาก้าวหน้าพอควร หลายๆคนบางทีอาจได้รับดูจากวิดีโอแบบอย่างสำหรับบทของ ลิงจ้อย ซึ่งเป็นไปตามแบบอย่างมีความกวนชักชวนยิ้มออกมาได้ในทันทีทันใด ดูหนังออนไลน์ 4k ไม่กระตุก

แม้กระนั้นสิ่งที่ไม่เหมือนอย่างที่คิดเป็นทั้งทีมลูกศิษย์วัดมิได้มีบทสำหรับพูด หรือฉากเฮฮาที่หวือหวามากสักเท่าไรนัก จะเป็นบทพูดที่ค่อนข้างจะเรียบนิ่งไปสักนิด ส่วนตัวมีความรู้สึกว่ากลุ่มนี้ควรจะสร้างความฮาได้มากกว่านี้ อย่าง อาไท ความสามารถสำหรับในการแสดง แล้วก็จังหวะการเล่นตลกที่เคยผ่านผลงานมาก็ค่อนจะสร้างรอยยิ้มได้อยู่พอเหมาะพอควร แม้กระนั้นในหัวข้อนี้บทบางทีอาจจะมิได้ส่งไปทางขบขันขำก๊ากมากสักเท่าไรนัก การดำเนินรายละเอียดออกจะเรื่อยเรียบไม่มีจุดไหนที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าจุดไคลแมกซ์ อารมณ์พุ่งปรี๊ด แต่ว่าเป็นการเล่าแบบเพลิดเพลินเจริญใจยิ้มไปในทุกๆฉากนั้นๆโดยเมื่อเข้าถึงตอนคลายเงื่อนหนังมีการแทรกสอดข้อคิดเตือนใจสำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตมาเสริมเข้าไปอย่างกลมกล่อมละมุนละไม ก่อนที่จะคลี่คลายเรื่องราวหลักที่เป็นแก่นของเรื่อง รวมทั้งตามมาด้วยการคลี่คลายนักแสดงนั้นๆอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ทิ้งให้เลือนหายไประหว่างทาง ซึ่งถือจุดแข็งของหนังอีกหนึ่งอย่าง

Creed III – ราคาที่จ่ายเมื่อไร้เงา Rocky

นับตรงเวลาถึง 8 ปีแล้วที่โลกภาพยนตร์ได้ได้โอกาสต้อนรับ อโดนิส ครีด ผู้แสดงที่เป็นเสมือนผู้ที่จะได้รับมรดกมาจากแฟรนไชส์หนังนักมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ‘Rocky’ ในชื่อสั้นๆว่า ‘Creed’ ภายหลังหนัง 2 ภาคแรกเก็บความตรึงใจจากแฟนคลับของหนังร็อคกี้แล้วก็ลำพองใจผู้ชมยุคสมัยใหม่ด้วยเรื่องราวการปีนเต้าจากนักมวยรองบ่อนสู่แชมป์โลกเดินคู่ร็อคกี้ นักแสดงในตำนาน

และก็เป็นที่ทราบดีว่า ‘Creed III’ มีการเปลี่ยนสองสิ่งใหญ่ๆสิ่งแรกเป็นการที่มันจะไม่มีนักแสดงร็อคกี้ของ สิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) อีกต่อไปแล้วก็นี่จะเป็นการขึ้นมาหยั่งเชิงงานควบคุมของ ไมเคิล บี จอร์แดน (Michael B. Jordan) เป็นครั้งแรกพร้อมกันกับการแสดงในหน้าที่ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในวงกว้าง แล้วก็แน่ๆว่าการเปลี่ยนที่กล่าวมานับว่าเป็นพนันที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยสำหรับทั้งยังสตูดิโออย่างวอร์เนอร์ดิสคัฟเวอรี (Warner Discovery) แล้วก็ตัวจอร์แดนเอง

ในหนังภาคนี้ อโดนิส หรือ ดอนนี่ (สวมบทบาทโดย ไมเคิล บี จอร์แดน) จำต้องกลับไปเจอหน้ากับอดีตกาลอันชั่วร้ายอีกรอบเมื่อ เดเมี่ยน (สวมบทโดย โจนาธาน เมเจอร์ส, Jonathan Majors) กลับมาหาเขาเพื่อหวังจะได้ครอบครองสายรัดเอวแชมป์โดยไม่สนใจกระบวนการที่ถูก ดอนนี่จำเป็นต้องกลับสู่สังเวียนอีกรอบเพื่อสะสางหนี้สินโกรธแค้นกับเดเมี่ยนแล้วก็ทวงคืนเกียรติของนักชกมวยระดับมืออาชีพในตัวเขาให้กลับมายิ่งใหญ่อีกที

แม้ว่าจะมีชื่อเสียงว่าดูแลหนังเกิดเรื่องแรกแม้กระนั้นความสามารถของจอร์แดนก็มิได้ขี้ริ้วขี้เหร่ครับผม บอกไว้ก่อนว่ามุมมองการเล่าเรื่องด้วยภาพของเขานับว่าใช้ได้อย่างยิ่งจริงๆ ทั้งยังการเล่นแสงสว่างกับเงาในฉากย้อนอดีตที่สื่อความหมายถึงเงาสมัยก่อนที่ตามมาหลอกดอนนี่อยู่ หรือการถ่ายทำฉากการประลองกีฬามวยที่จอร์แดนและก็ เครเมอร์ มอร์เกนเธา (Kramer Morgenthau) เลือกใช้กล้องถ่ายภาพ IMAX ตัวท็อปอีกทั้ง Red V Raptor IMAX รวมทั้ง SONY CineAlta Venice IMAX มาถ่ายทอดฉากชกมวยที่มีอีกทั้งภาพขยายเป็นอัตราส่วน 1.90:1 เมื่อดูในระบบ IMAX รวมทั้งการถ่ายทำภาพแบบซูเปอร์สโลว์ มองเห็นเหงื่อกระเด็นเป็นเม็ดๆ

ทั้งในฐานะดาราหนังเอง เขาก็ยังสามารถคุมการแสดงของผู้แสดงทุกคนได้อยู่มือ อีกทั้งของตัวจอร์แดนเองที่มีความดราม่าอยู่สูง ตลอดจนผู้แสดงห้อมล้อมอย่าง เทสซา ธอมป์สัน (Tessa Thompson) ในบทเบียงกา เมียผู้เป็นแสงไฟในชีวิตแล้วก็ วูด แฮริส (Wood Harris) ในบทลิตเติลดุ๊ค ผู้ฝึกสอนคู่ใจของ อโดนิส ครีด รวมถึงการแสดงของ โจนาธาน เมเจอร์ส ที่บอกได้เลยว่าหากแม้บทจะเปิดโอกาสมากแค่ไหนแม้กระนั้นทุกเฟรมที่เขาปรากฎตัวมีทั้งยังความน่าพรั่นพรึง และก็ความลำบากใจที่เสริมมิติให้นักแสดงมีเสน่ห์น่าติดตาม

หนัง Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore – สัตว์น่าพิศวง: ความลับของดัมเบิลดอร์

ภายหลังผิดหวังในภาคสอง (มากมายๆ) ที่ในรูปภาพรวมมันมองน่ารำคาญ ช้า ยืด รวมทั้งให้น้ำหนักกับจุดไม่จำเป็นเท่าไร มาในภาคนี้ทำตรงกันข้ามเลย มิได้น่ารำคาญ เดินเรื่องเร็ว ไม่ช้า ไม่พอง ไม่ยืด แต่ว่า…ก็ลืมให้น้ำหนักสำคัญกับจุดที่ควรจะจุดโฟกัสเช่นเดียวกัน

Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore บอกเล่าเรื่องราวภายหลังที่ Gellert Grindelwald ได้สะสมกรุ๊ปบิดามดแม่มดเพื่อหมายเปลี่ยนแปลงโลกเวทมนต์ ให้เหล่าบิดามดแม่มดได้ดำรงชีวิตอิสระ ซึ่ง Albus Dumbledore ก็ได้ร่วมมือกับ Newt Scamander แล้วก็เก็บพวกพ้องเพื่อระงับอุดมการณ์ของ Grindelwald ก่อนที่จะสายไป

อย่างที่ได้จั่วหัวไว้ว่าในรูปภาพรวมมันสนุกสนานกว่าภาคสองจริงๆแต่ว่ามันเฉยๆหนังยังคงมีข้อความสำคัญหลายสิ่งหลายอย่างที่ทิ้งให้พวกเราสงสัย ตลอดทั้งเรื่องมันจะมีขนคิ้วขมวดเป็นช่วงๆว่าแบบ อะไร? เพราะเหตุไร? อย่างไร? โดยประมาณนั้น หนังมองรีบๆไม่ค่อยตั้งใจจะเล่าเนื้อหาที่น่าจะชี้แจงสักเท่าไหร่ ปล่อยปละละเลยรายละเอียดไปหลายจุด กิมมิคหลายประเภทโดนเขวี้ยงทิ้ง บ้านผลบอล เนื่องจากว่าหนังรีบ แล้วก็ยังมีเงื่อนอีกเยอะแยะ การคลี่คลายเงื่อนแต่ละอย่างไม่มีเชิงชั้นเลยสักหน่อย น่าผิดหวังมากมายอีกต่างหาก การตัดสินใจของนักแสดงไม่มีน้ำหนัก แถมช่วงท้ายมันมีการขมวดปมสำคัญหลายสิ่งหลายอย่างแบบรีบมากมาย และก็ดันทุกเงื่อนให้หาทางลงกล้วยๆแบบน่ารำคาญหัวใจ

แถมที่สำคัญไอ้จุดที่ควรจะเน้นย้ำมันก็ไม่ให้เวลาเล่าอะไรเลยมากแค่ไหนเลย และก็ไอ้จุดที่ว่าโน่นดันเอามาแขวนเป็นชื่อภาคซะด้วยสิ The Secrets of Dumbledore เนี่ยล่ะ หนังมิได้ให้รายละเอียดเรื่องราวความลับของตัว Dumbledore อะไรสักเท่าไหร่เลย มาก็มาแบบผิวเผิน รวมทั้งสิ่งจำเป็นอย่างความเกี่ยวเนื่องของตัว Dumbledore กับ Grindelwald หนังก็เสมือนจะไม่เอาใจใส่ไปอย่างโชคร้าย มีเพียงแต่บทสนทนาใส่กันที่มิได้ส่งให้ผู้ชมรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ยิ่งหากผู้ใดกันทราบเรื่องราวความเกี่ยวเนื่องของทั้งยังคุ่มาจากหนังสือก็ยิ่งจะน่าฉุกคิดว่าเพราะเหตุไรเล่าออกมาเพียงนี้เองนะ

ภายหลังภาคที่แล้วมีหลายสำนักรีวิวว่าตัวหนังไม่มีความเอาใจใส่สัตว์น่าพิศวงที่เป็นเสน่ห์จากภาคแรกมา ภาคนี้เลยใส่มาเพิ่ม และก็ให้ความใส่ใจเพิ่มมากขึ้น แม้กระนั้นมันก็ยังมิได้ช่วยขับเสน่ห์เสมือนที่ภาคแรกทำเป็นสักเท่าไหร่

แม้กระนั้นถึงบทมันจะห่วยและก็เชิญชวนขนคิ้วขมวดเพียงใด จะต้องเห็นด้วยว่าฉากแอ็คชันในภาคนี้มองเพลิดเพลิน และก็มาถูกจังหวะมากมาย ถึงแม้ว่าจะมิได้มีเยอะแค่ไหนก็ตาม

สิ่งที่น่ากล่าวยกย่องที่สุดในประเด็นนี้อาจจะเป็นการแสดง ของดารานำทั้งยัง 3 เริ่มจาก Newt Scamander สวมบทบาทโดย Eddie Redmayne ที่ยังคงเสน่ห์ของนักแสดงเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมแบบไม่มีข้อบกพร่อง ท่าทางต่างๆที่ชอบใจก็ยังคงทำให้พวกเราพอใจได้อย่างเดิม รวมทั้งอีกสองดาราหนังที่น่ากล่าวสรรเสริญสุดๆแล้วก็เป็น MVP เลยก็ว่าได้ ชูให้ Jude Law ในบท Albus Dumbledore ที่แม่งโคตรโก้เก๋ คาดไม่ถึงเลยว่า Dumbledore จะโก้เก๋ขนาดนี้ การวางท่า การพูดจา เท่มาก ถูกใจมากมาย ถูกจริตแบบสุดๆตามมาด้วย Mads Mikkelsen ที่มาสวมบท Gellert Grindelwald ต่อจาก Johnny Depp ที่จำต้องพูดว่าแตกต่างพอเหมาะพอควร ไม่เคยทราบเกี่ยวกับตัวบทหรือการแสดง รวมทั้งตกลงใจถูกแล้วล่ะที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่แสดงราวกับ Depp แม้กระนั้นส่วนตัวถูกใจเวอร์ชัน Mikkelsen มากยิ่งกว่านี่แหละ มันมองร้าย น่าเคารพ อ่อนโยน ฉลาดหลักแหลม มีเสน่ห์ มาดดูดี เพียงแค่อยู่นิ่งๆมันก็มองร้ายมากๆแล้วอะ แม้ว่าจะโชคร้ายที่บทไม่ค่อยมีอะไรให้ผู้แสดง Grindelwald เท่าใดก็ตาม แต่ว่าเคมีของ Jude Law กับ Mads Mikkelsen เยี่ยมมากมาย มองแบบมี something กันจริงๆอีกทั้งสีหน้าท่าทางรวมทั้งแววตา เพียงพอมาเข้าซีนด้วยกันยิ่งมองเหมาะสมที่สุด