ดู Batman The Long Halloween Part Two (2021)

ดู Batman The Long Halloween Part Two (2021)

ดู Batman The Long Halloween Part Two (2021)

ดู Batman The Long Halloween Part Two (2021) เว็บดูหนัง ดูหนังฟรี ดูหนังไม่กระตุก หนังHD หนังฝรั่ง หนังเอเชีย หนังออนไลน์ ดูหนังไม่เสียตังค์ ดูหนังผ่านสมาร์ทโฟน หนังเต็มเรื่อง MovieHDFree มูฟวี่เอสดีฟรี หนังบู๊ หนังผจญภัย หนังการ์ตูน หนังชีวิตจริง ภาพยนตร์ตลก หนังอาชญากรรม สารคดี หนังมากไม่น้อยเลยทีเดียวมากยิ่งกว่า หมื่นเรื่อง หนังให้ดูฟรี 360 720 1080 4K นักฆ่าที่รู้จักกันในชื่อฮอลิเดย์ยังคงสะกดรอยตามตระกูลผู้ร้ายฟอลคอน รีวิว Batman The Long Halloween Part Two (2021) ในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกฎหมายกลุ่มใหม่ก็เผยตัวขึ้นในเมืองก็อตแธมแล้วก็ทำให้ ฮาร์วีย์ เดน เสียโฉมจนถึงทำให้เขากลายเปนคนร้ายจากการวางเป้าหมายของโจ๊กเกอร์ ยิ่งกว่านั้นงานมงคลสมรสที่กำลังจะเกิดขึ้นก็พังทลายทะลายลงรวมทั้งกางทแมนสงสัยว่าอดีตผู้สนับสนุนบางทีอาจเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฮาร์วีย์ เดน อยากที่จะเป็นศัตรูกับแบทแมน

รีวิว The Maid สาวลับใช้เรื่องที่คนดู

ดูจะติติงหนังเป็นพิเศษอาจจะเป็นตอนองก์ 2 นี่แหละ เนื่องจากว่าอย่างที่ตามองเห็น โทนของหนังถูกทำให้เบาลงกว่าองก์แรกที่เอาผีมา แฮร่…. ใส่คนดูกระทั่งอิดโรยแล้ว แม้กระนั้นถ้ามองอย่างพิเคราะห์ มันคือการพยายามกะเทาะความนึกคิด จิตใจ ผู้แสดงแต่ละตัว อย่างน่าดึงดูดทีเดียว อย่างคุณผู้หญิงอุมา ที่สามีมองไม่เห็นความสำคัญของเธอ หรือ แรงต้องการด้านกามารมณ์ที่มิได้รับการตอบสนองของคุณผู้ชายแล้วก็นี่เองก็คือการเฉลยคำตอบที่มาการถึงแก่กรรมอย่างน่าอเนจอนาถใจของ

พลอย (น้ำหวาน กรรณาภรณ์) สาวรับใช้ที่รู้ใจเจ้านายทั้งคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะต้องเป็นเครื่องดับความปรารถนาของเหล่าผู้ดีที่ถึงเวลา “เป็นสัด” ก็ทำตัวไม่มีความแตกต่างจากดิรัจฉาน โน่นทำให้การกล่าวถึงอดีตกาล หรือ ฉากแฟลชแบ็กต่างๆกลับมิได้ให้ข้อมูลเพียงแต่เรื่องว่า “พลอยตายอย่างไร” เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้ามมันกำลังเดินทางไปชี้แจงการกระทำของคนภายในบ้านในองก์ที่ 1 อีกด้วยในฉากเล็กๆของหนังที่ จอย

ได้เข้าไปอยู่ในห้องครัวร่วมกับพวกบรรดา สาวรับใช้รุ่นพี่ พวกเราจะมองเห็นความประพฤติปฏิบัติที่ดูปกติมากมายทว่ากลับมีที่มาในทันทีเมื่อหนังบอกความจริงในองก์ที่ 2 โน่นคือการเสพย์ติดความเงียบและการห้ามไม่ให้ผู้ใดกันแน่ถามหรือสงสัยในบ้านของหัวหน้าแม่บ้าน การบิดเบือนข้อเท็จจริงของพ่อบ้านคนขับรถ รวมทั้งหนักสุดเป็นความประพฤติชอบฟังเพลง แงะถั่งงัด ของพี่แม่บ้านลุคหญิงรับใช้อีสาน

ที่เรามองเห็นกันมากระทั่งเฝือรวมทั้งให้ภาพที่คลีเช่มากๆแม้กระนั้นเพียงพอมาอยู่ในบริบทของเรื่องราวอย่างนี้ก็ทำให้มันพิเศษอย่างบอกผิดคุ้มคลั่ง แล้วก็ หลั่งเลือด รีวิว The Maid สาวลับใช้ในบทปิดท้ายคงต้องบอกว่าในเมื่อเรื่องราวได้เฉลยเงื่อนต่างๆครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว การคิดบัญชีโกรธแค้นในองก์ในที่สุด เลยเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และก็เป็นการปล่อยแล้วก็ท้าทายความคิดผู้ชมชาวไทยอย่างแท้จริง

เนื่องจากว่านานๆครั้งหรอกที่ภาพยนตร์ไทยจะหักมุมให้เรื่องราวในส่วนท้ายกลับแล้วก็บิดทวิสต์ แนวหนัง หรือ Genre แบบหักศอกเสมือน “หนังคนละม้วน” ขนาดนี้และที่จำต้องสรรเสริญมากมายคืองานกำกับศิลปในฉากปาร์ตีส่งท้ายเรื่องราวที่ให้เพื่อนร่วมงานสวมชุดสีขาว ที่ในที่นี้มิได้แสดงถึงความบริสุทธิ์อย่างไร ตรงกันข้ามเมื่อเรามาวิเคราะห์แล้วชุดสูทสีขาวคงจะมิได้แทนอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากชุดประจำการของบรรดา อีลิต (Elite) หรืออภิสิทธิชนที่มีตังค์และก็เวลาในชีวิตพอเพียงมาเสพย์ของฟุ่มเฟือยทั้งยังเหล้าองุ่นและของกินคานาเป้แบบที่เห็นในหนังได้ ดังนั้นเมื่อเรื่องราวดำเนินมาสู่จุดที่คุ้มดีคุ้มร้ายที่สุดของหนัง การสังหารเลยเหมือนการแก้เผ็ดที่ไม่เพียงแค่เรื่องส่วนตัว แต่ว่ามันยังสาวไปได้ถึงการไม่ยอมรับและก็กำจัดเรื่อง “ชนชั้น” อย่างอดคิดไม่ได้

รีวิว Bad Boys For Lifeไม่น่าเชื่อว่าหนัง Bad Boys For Life จะสามารถมาถึงภาค 3 ได้

จริงๆไม่คิดว่าจะมีภาค 2 ด้วยซ้ำ มันเป็นหนังสองคู่ขาตำรวจไล่จับคนร้ายสูตรสำเร็จ สุดฮิตในยุค 90s ที่ Hollywood ขยันทำออกมาล้นหลามยกตัวอย่างเช่น Hollywood Homicide, National Security, Blue Streak แล้วก็หนึ่งในนั้นคือ Bad Boys เนี่ยล่ะ สำหรับ Bad Boys ถ้าหากหลายท่านได้ดูเหมือนทราบว่าหนังมันสนุกตรงการพล่ามของสองผู้แสดงนำฝ่ายอย่าง Martin Lawrence และก็ Will Smith ที่เป็นคู่หูกันแม้กระนั้นดุด่ากันตลอดทั้งเรื่อง

แถมยังเรียกเสียงหัวเราะให้กับแฟนคลับได้อีก และแอ็คชั่นก็ไม่ได้น้อยหน้าเรื่องอื่นอะไร สองภาคแรกสำเร็จหน้าที่ดูแลของ Michael Bay ในปี (1995, 2003) ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่ภาคสองมาจนกระทั่งในตอนนี้ก็ 17 ปีอย่างยิ่งจริงๆ และก็เป็นการชุบชีวิตกลับมาใหม่ของผู้กำกับอย่าง Adil El Arbi รวมทั้ง Bilall Fallah ที่เจ้าตัวบอกเลยว่าเป็นแฟนเดนตายของแฟรนไชส์นี้เลย ก็เลยไม่แปลกจังว่าเพราะอะไรถึงทำออกมาเจริญขนาดนี้ Bad Boys For Life

เป็นเรื่องราวของสองตำรวจคู่ขาที่เคยชินแห่ง Miami ที่ถึงวัยเริ่มแก่ละ ดู Batman The Long Halloween Part Two (2021) เริ่มคิดคิดแผนเกษียณอายุ ทำเพื่อครอบครัว เพื่อคนรัก แต่แล้ว Mike Lowery ก็โดนมิจฉาชีพหมายหัวหวังเอาชีวิต ทำให้ทั้งคู่จำเป็นต้องร่วมมือกันไล่ล่าโจรรายนั้นเอาจริงๆทีแรกๆมีหวั่นหวาดๆเนื่องจากมีความคิดเห็นว่าผู้กำกับไม่ใช่ Michael Bay เลยหมิ่นประมาทไปก่อนแล้วว่าจำต้องออกมาไม่ดีแน่ๆมันจำเป็นต้องไม่ใช่ Bad Boys ที่เรารู้จัก

แต่ว่าพอใช้ดูอยากจะตบกระโหลกตัวเองจริงๆผู้กำกับ 2 คนนี้โคตรเข้าอกเข้าใจความเป็น Bad Boys รักษาเสน่ห์ที่มีเอาไว้อย่างสมบูรณ์ แถมยังเป็นเหตุให้มันดียิ่งขึ้นไปอีกในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นที่ภาคนี้จัดเต็มมากมาย ใน 2 ภาคแรกสองดารานำเป็นยังไง ภาคนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นเลย คุณสามารถมอง 3 ภาคต่อกันได้แบบไม่ทราบสึกว่ามันกระโดดหรือคนละเรื่องอะไร มันกลมกลืนมาก โอเคดาราทั้งสองอาจจะไม่กล่าวไฟแลปด่ากันรัว

ราวกับภาคแรกสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็มีเหตุผลมารองรับมากพอให้รู้เรื่องได้ ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ 2 ผู้แสดงนำฝ่ายก็ยังคงเคมีเข้ากั๊นเหมาะยังกะอยู่กินนอนกันมาตลอด แล้วก็ยังเรียกเสียงฮาได้เรื่อยๆเหมือนที่เราเคยชินกันจาก 2 ภาคแรก แน่ๆหนังคู่ซี้ตำรวจจับมิจฉาชีพอาจจะไม่ต้องคาดหวังว่ามันจะซับซ้อน ลึกลับซับซ้อนอะไรขนาดไหน เนื่องจากว่านั่นก็คือหนังสูตรสำเร็จ แต่ไอ้ความเป็นหนังสูตรสำเร็จ มันทำอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ

ไม่เชย แล้วก็นี่แหละ Bad Boys For Life มันทำเป็น จริงๆมันก็เชยๆแหละ แต่มันบันเทิงใจ สนุกสนาน ครบรสจัดเต็มมากมาย ถ้าถามว่าจำเป็นที่จะต้องดูภาคอื่นๆมาก่อนไหม? เอาจริงๆไม่มองภาคอื่นมาก็พอเพียงจะดูภาคนี้เข้าใจนะ แต่ถ้าดูมาก่อนคุณจะเข้าใจความสโมสรตัวละคร เข้าใจมุกต่างๆเพิ่มมากขึ้น แล้วก็จะบันเทิงใจเอ็นจอยกับมันมากเพิ่มขึ้นมีติดนิดหน่อยตรงที่การตัดสินใจหรือความรู้สึกนึกคิดของตัวร้ายว่า

เอ๊ะ ตกลงมันจะอย่างไรกันแน่ สิ่งที่มีความต้องการของมันจริงๆเป็นยังไงหนอ สรุปแล้ว Bad Boys For Life เป็นภาคต่อที่น่ากล่าวสรรเสริญมาก ทำเป็นเข้าอกเข้าใจตัวหนังจริงๆคุณซื้อตั๋วไปดูไม่ผิดหวัง คุณจะได้รับความเพลิดเพลินตลอด 2 ชั่วโมงแน่ๆ ยิ่งผู้ใดเป็นแฟนคลับแฟรนไชส์นี้ยิ่งห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แถมหนังยังฉลาดสามารถปูเปิดจักรวาลได้ยาวๆแบบ Fast and Furious อย่างยิ่งจริงๆ (ไปดูเองจะเข้าหัวใจว่าเพราะอะไร)

รีวิว Ip Man 4: The Finaleไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าหนัง Ip Man ที่อ่านว่ายิปมัน ไม่ใช่ ไอ-พี แมน

จะเดินทางมาถึง ภาคที่ 4 ได้ จากใจจริงคิดว่ามันจบดีไปตั้งแต่ภาค 2 แล้ว แต่ว่าก็ทำภาค 3 ออกมา แถมยังมีภาคแยก Master Z ออกมาอีก แล้วก็แน่ๆว่าออกมากี่ภาคก็ไปดูอยู่ดี เพราะความมันในฉากแอ็คชั่นก็ยังคงสร้างความเพลิดเพลินให้เหมือนเดิมจนถึงมาถึง Ip Man 4: The Finale ที่แน่นอนว่าเป็นภาคปิดน่าจะไม่มีต่อแล้ว (ก็เขียน The Finale ซะอย่างงั้น) ถือว่าเป็นเวลานานเหมือนกันที่ทิ้งห่างจากภาค 3 ในปี 2016

กับเรื่องราวตอนปลายชีวิตของอาจารย์ยิปมันที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งชนิดร้ายแรง แม้กระนั้นตัวเองก็ติดปัญหาอยู่เรื่องเดียวเป็นลูก ที่มีความคิดเห็นสวนกัน ยิปมันอยากให้ลูกมีการเรียนรู้ดีๆแต่ลูกอยากเป็นคุณครูสอนกังฟูเสมือนพ่อ เลยทำให้ยิปมันตัดสินใจเดินทางไปอเมริกาเพื่อหาสถานศึกษาให้ลูกเรียน บังเอิญกับคำเชิญชวนของลูกศิษย์อันเป็นหวานใจอย่าง บรูซลี ที่ได้เชิญชวนไปดูเขาแข่งขันพอดิบพอดีพอดี

แต่พอเพียงไปที่นู่นก็พบกับปัญหาต่างๆมากมายก่ายกอง รวมทั้งการจำต้องกู้ศักศรีดิ์ของชาวจีนในไชที่นาทาวน์จากทหารอเมริกันสุดชั่วร้ายด้วย ภาคนี้มีประเด็นเล่ามากมายกว่าภาคก่อนๆพอควร ไม่ว่าจะเกิดเรื่องวาระสุดท้ายของตัวยิปมันเอง เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัว เรื่องชาวจีนในสังคมอเมริกา แต่ทุกเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นมันกลับถูกถ่ายทอดออกมาได้ปกติและเช๊ยเชย คือบทมันเพลเซฟมากเกินไป

สูตรสำเร็จมากเกินไปจริงๆแต่ว่าอย่างไรก็ตามฉากต่อสู้มันก็ยังบันเทิงใจอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่ามันไม่พีคหรือน่าตื่นเต้นเท่าภาคก่อนๆที่ผ่านมาก็ตามที่เราจั่วหัวไปว่าเป็นภาคที่ “อิหยังวะ” เยอะที่สุดแล้ว คือเรื่องแรกที่เห็นชัดๆเลย มันต้องมีการต่อสู้กันของทหารอเมริกาและก็ยิปมัน ซึ่งมันมีฉากที่ฝั่งอเมริกาพร่ำบ่นโวยวายว่าเนี่ยการต่อสู้ที่พวกเราใช้คือเก่งที่สุดในโลกไอ้มวยจีนอย่างกังฟูหรือหย่งชุนจะมาสู้ได้อย่างไร

แม้กระนั้นไอ้การต่อสู้ที่พวกนายใช้มันเป็นคาราเต้ ซึ่งมันมีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นไม่ใช่หรอ – – ดูไปดูมาก็รู้สึกตะหงิดๆยังไงชอบกลไม่รู้เรื่อง รวมทั้ง “อิหยังวะ” ถัดมาเป็นการที่ในเรื่องมีกังฟูหลายแบบมากมาย แต่ดันเอามาเหมือนจะพูดว่าหย่งชุนดีเยี่ยมที่สุด เป็นมีอาจารย์ผู้อื่นจะต้องมาปะทะฝีมือกับคาราเต้ แต่ดันแพ้หมด เสมือนมวยพวกนั้นกลาเป็นตัวประกอบไปซะแบบงั้น ยังไม่หมดแค่นั้น “อิหยังวะ”

ถัดมาเป็นใจความสำคัญเรื่องพ่อลูกที่คลี่คลายง่ายอย่างยิ่ง และในภาคนี้ไม่ทราบเพราะอะไร อะไรนิดอะไรหน่อย อึกทึกจะหาเรื่องต่อยกันสิ่งเดียวเลย อันนี้ไม่สบอารมณ์ไอ้นี่ “มาต่อยกัน” หลายฉากเป็นแบบงี้เยอะแยะ ในใจก็คิดแบบ เอ้อ คนเราหาเรื่องต่อยกันได้ง่ายขนาดนี้เชียวสรุปแล้ว Ip Man 4: The Finale มันเป็นภาคจบที่ถ้าหากคนที่ติดตามมาตลอดก็อาจจะจำเป็นต้องไปดูแหละ มันก็ยังคงสนุกสนาน

เรื่อยดูได้เพลิดเพลินๆรวมทั้งฉากต่อสู้มันก็ยังคงความสนุกสนานอยู่ แม้กระนั้นอย่างที่บอกมันเพียงแค่ไม่พีคราวกับภาคก่อนๆแล้ว รวมทั้ง Finale Fight ที่รู้สึกไม่ได้ประทับใจ จับใจ หรือว้าวอะไรเท่าใดเลย รวมถึงข้อความสำคัญดราม่าแต่ละอย่างในหนังมันปกติมากๆเพลเซฟเกินไปจริงๆไม่ได้เอามาขยี้เรียกน้ำตา เหมือนแค่ต้องการบอกให้ผู้ชมรู้เฉยๆเพียงแค่นั้น ฉากที่เรารู้สึกเอ็นจอยและสนุกสนานกับมันที่สุดในภาคนี้คงเป็นฉากต่อสู้ของบรูซลีนั่นแหละ ถึงจะมีน้อย แต่ว่าสนุกสนานสุดละ

กลับสู่หน้าหลัก https://thinng.com/