เทคโนโลยี การสื่อสาร

เทคโนโลยี การสื่อสาร เมื่อดิจิตอลพัฒนาถึงขีดสุดในอีก 10 ปีข้างหน้า

เทคโนโลยี การสื่อสาร

เทคโนโลยี การสื่อสาร World Economic Forum ได้ออกรายงานผลสำรวจความคิดเห็นและการคาดการณ์จากผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีซอฟแวร์ และดิจิตอลมากกว่า 800 คน พบว่าเทคโนโลยีซอฟแวร์ และดิจิตอลที่กำเนิด และพัฒนาในปัจจุบันนี้จะพัฒนาถึงขีดสุด (tipping points) ในอีกราว 10-15 ปีข้างหน้านี้ และนี่คือ 7 คำทำนายที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ที่พัฒนาถึงขีดสุด และผลกระทบที่จะมีต่อมวลมนุษยชาติ เคยสงสัยไหมว่าเทคโนโลยีด้านซอฟแวร์และดิจิตอล (software and digital technology) เช่น อินเตอร์เน็ต ปัญญาประดิษฐ์  IOT เทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ ที่กำลังก่อตัวขึ้นและแข่งขันกันพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบันจะมีอนาคตเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์อย่างไรบ้าง

1. อินเตอร์เน็ต (Internet) 

คำทำนาย        90% ของประชากรโลกจะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ภายในปี 2024     

คำอธิบาย        

  เทคโนโลยี เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สาย อาทิ 3G,4G, 5G รวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต มือถือ ซึ่งเป็นเครื่องมือ และช่องทางในการติดต่อสื่อสาร กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และความเร็ว ปัจจุบันมีผู้ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้คิดเป็น 43% ของประชากรโลกทั้งหมด ในขณะที่อุปกรณ์ประเภทสมาร์ทโฟนมียอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 1.2 พันล้านเครื่องต่อปี เทคโนโลยี และอุปกรณ์รองรับที่พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดว่าอินเตอร์เน็ตจะกลาย เป็นหนึ่งในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับไฟฟ้า น้ำประปาและถนน ที่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้  ซึ่งอาจจะครอบคลุมได้กว้างและเร็วกว่าสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้า น้ำประปาและถนนด้วย เนื่องจากโครงข่ายอินเตอร์เน็ตติดตั้งง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามาก

2.  หุ่นยนต์ (Robots) 

    คำทำนาย        จะมีเภสัชกรหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำและจ่ายยาภายในปี 2021

คำอธิบาย        

ปัจจุบัน หุ่นยนต์ เริ่มเข้ามามีบทบาทเทำหน้าที่ช่วยเหลือรวมถึงทดแทนมนุษย์ในหลายกิจกรรมทั้งในภาคการผลิต การเกษตร และการให้บริการสาขาต่างๆ  จากข้อมูลสถิติขณะนี้มีจำนวนหุ่นยนต์ในโลกทั้งหมดใประมาณ 1.1 พันล้านตัว  เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตรถยนต์นั้นใช้หุ่นยนต์มากกว่า 80% ของกระบวนการผลิตทั้งหมดแล้ว  โดยเทคโนโลยีหุ่นยนต์กำลังถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการทำงานด้านต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเพิ่มขึ้น

3. เซนเซอร์ (Sensors) 

คำทำนาย        เซนเซอร์ที่ถูกเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตจะมีปริมาณมากกว่า 1 ล้านล้านตัวภายในปี 2022

คำอธิบาย        

เทคโนโลยี IoT ได้ในวงการด้านต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ได้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สวมใส่หรือติดตั้งบนร่างกาย (Wearables) เมืองอัจฉริยะ (Smart City), บ้านอัจฉริยะ (Smart Home), IoT สำหรับอุตสาหกรรมและโรงงานผลิต (Industrial internet), โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart grid),  รถยนต์อัจฉริยะ (Connected car), เครือข่ายเชื่อมโยงระบบสุขภาพครบวงจร (Connected health), ฟาร์มอัจฉริยะ (Smart farming), เทคโนโลยีในธุรกิจห้างร้าน (Smart retail) รวมถึงภายในระบบห่วงโซ่อุปทานระหว่างผู้ผลิตและผู้ขาย (Smart Supply Chain)  สืบเนื่องจากเครือข่ายให้บริการอินเตอร์เน็ตรวมถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อและฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่มีราคาถูกลงอย่างมาก ทำให้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ถูกเชื่อมต่อเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ตได้ง่ายมากขึ้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ  มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการเกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต  โดยทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราแทบไม่รู้ตัว

4. การแพทย์ (Medical) 

คำทำนาย        เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติจะช่วยผลิต “อวัยวะตับ” ที่สามารถนำไปเปลี่ยนหรือปลูกถ่ายในผู้ป่วยได้ภายในปี 2024

คำอธิบาย        

เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ (3D printing) ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และกำลังขยายการใช้งานสู่ผู้ใช้ทั่วไปในราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ  จนมีผู้นำไปพัฒนาต่อยอดและประยุกต์ใช้ในแวดวงต่างๆ อย่างกว้างขวางตั้งแต่ของเล่น ตุ๊กตาคนจริงย่อส่วน เครื่องประดับ รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาถึงขีดสูงสุด ไม่เพียงระบบพิมพ์ 3 มิติจะถูกใช้เพื่อผลิตสิ่งของต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้นวัตกรรมนี้ในการผลิต “เนื้อเยื่อที่มีชีวิตและอวัยมนุษย์” ด้วยเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ชีวภาพสามมิติ (3D Bioprinting) ซึ่งเป็นการนำวัสดุหรือเซลล์ที่มีชีวิตมาเรียงซ้อนกันเพื่อสร้างชิ้นส่วนตามต้องการ นับเป็นก้าวสำคัญทางการแพทย์ในด้านการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมถึงการสร้างอวัยวะใหม่เพื่อใช้ในการปลูกถ่ายในอนาคต

 

5. โทรศัพท์ (Phone)

 คำทำนาย        มือถือชนิดฝังเข้าไปในร่างกายจะมีวางจำหน่ายในปี 2023

คำอธิบาย        

แนวโน้มของเทคโนโลยีผลิตอุปกรณ์สื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงและขนาดเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้คาดการณ์ว่ามนุษย์จะสามารถผลิตมือถือชนิดที่สามารถฝังไปบนร่างกายเพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้  แทนที่จะติดต่อสื่อสารกันด้วยคำพูด ในอนาคตเราอาจจะสามารถสื่อสารทางความคิดผ่านคลื่นสมอง (brain waves) เหมือนอย่างในหนังไฮไฟได้  นอกจากนี้ การฝั่งหรือปลูกถ่ายอุปกรณ์สื่อสารลงบนร่างกายของมนุษย์ยังก่อให้เกิดประโยชน์ด้านอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงการตรวจติดตามพฤติกรรม ตำแหน่งที่อยู่ และกิจกรรมด้านต่างๆ รวมทั้งการตรวจติดตามและวินิจฉัยสุขภาพและโรคต่างๆ ผ่านเซนเซอร์ที่ฝังอยู่ในร่างกาย จนไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถปลดปล่อยตัวยาภายในร่ายกายได้โดยอัติโนมัติเมื่อวินิจฉัยพบว่ามีอาการของโรคชนิดนั้นเกิดขึ้น เป็นต้น

6. รถยนต์ (Cars) 

 คำทำนาย        รถยนต์แบบไร้คนขับมากกว่า 10% จะวิ่งอยู่บนท้องถนนในประเทศสหรัฐฯ ในปี 2026

คำอธิบาย        

ปัจจุบันค่ายรถยนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกูเกิ้ล เบนซ์ นิสสัน ออดี้ วอลโว่ เทสล่า ฯลฯ ต่างเร่งกันพัฒนาและทดสอบรถยนต์ไร้คนขับอย่างจริงจังกจนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกไปแล้ว  ผลวิจัยขี้ว่ารถยนต์ไร้คนขับนั้นจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ปริมาณรถ และลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 90%  ผลของเทคโนโลยีไร้คนขับจะทำให้มนุษย์มีความปลอดภัยและสะดวกในการเดินทางยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด ลดการใช้พลังงานและปล่อยมลพิษสู่อากาศ  รวมทั้งทำให้เกิดการเปลี่ยนโฉมของระบบการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในอนาคตไปอย่างสิ้นเชิง อาทิ รถยนต์ไร้คนขับไม่มีการขับหลงทางและไม่ต้องวนหาที่จอดรถ  ถนนอาจจะแคบลง เพราะไม่ต้องเว้นช่องไฟระหว่างรถมาก ความจำเป็นของไฟถนน ทางด่วน และป้ายจราจรจะลดลง ตลอดจนรถยนต์เองก็จะมีจำนวนลดลง เนื่องจากผู้คนเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัวน้อยลง เนื่องจากระบบขนส่งใหม่อำนวยความสะดวกได้ดีกว่านั่นเอง ฯลฯ

7. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent-AI) 

คำทำนาย        AI ตัวแรกจะเข้ามาร่วมโต๊ะในการตัดสินใจทางธุรกิจของบอร์ดบริหารในปี 2026

คำอธิบาย        

AI กำลังถูกพัฒนาและมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความสามารถและศักยภาพอันเหลือเชื่อของ AI ในการเรียนรู้และประมวลผลจากสถานการณ์หรือประสบการณ์ในอดีต รวมทั้งการคำนวณ วิเคราะห์ และตัดสินใจเรื่องยากๆ บนฐานข้อมูลจำนวนมากได้ ทำ AI ไม่เพียงเข้ามามีบทบาทในงานที่ต้องใช้แรงงานในโรงงาน (blue-collar jobs) เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานบริหารที่สำคัญ (white-collar jobs) ที่ต้องการการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำด้วย อาทิ ผู้จัดการด้านการเงิน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารระดับสูง หรือแม้กระทั่ง CEO  ในขณะที่ AI กำลังถูกพัฒนาขีดความสามารถเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือหรือทดแทนการทำหน้าที่ของมนุษย์  ผู้คนอาชีพสาขาต่างๆ ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะตกงานเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกำลังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและภัยคุกคามในหลายแง่มุมจนยากที่จะประเมินได้ หนทางเดียวที่จะรับมือได้คือการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและปรับตัวให้ทันเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น