the fast x

the fast x

the fast x

the fast x ต้องยอมรับว่าเป็นภาคที่เป๋ห่าวแบบไม่เป็นท่ามากที่สุดในบรรดาทุกภาค เพราะนอกจากความโม้แหลกแบบหลุดอวกาศ ปฏิเสธไม่ได้แหละว่าเป็นภาคที่โดนด่าเยอะ fast x แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเถอะ สุดท้าย Universal Studios ก็น่าจะมั่นอกมั่นใจกับแฟรนไชส์นี้ ที่มีแฟน ๆ รอดูทั่วโลก fast x จนยอมพร้อมที่จะมอบทุนให้สร้างหนังออกมาได้เรื่อย ๆ

แถมหมายมั่นปั้นมือให้กลายเป็นภาคสุดท้ายที่น่าจะพึ่งหวังความ Epic ของเรื่องราวและงานสร้างแบบทิ้งทวน ด้วยการหั่นแบ่งออกเป็น 2 ภาคกันไปเลย ซึ่งภาคแรกก็คือภาคที่ฉายอยู่นี้ และภาค 2 (หรือจะเรียกว่าภาค 11 ก็ได้) ที่ใช้ชื่อสุดเด๋อว่า Part 2′ มีกำหนดฉายปี 2025

โน่นเลยครับ และล่าสุดพี่ วิน ดีเซล (Vin Diesel) นักแสดงและผู้อำนวยการสร้างของหนังได้ออกมาบอกแล้วว่า จะขยาย ให้เป็นไตรภาคกันไปเลย อธิบายง่าย ๆ ก็คือ จะไปจบบริบูรณ์อีกทีก็ภาค 12 โน่นเลย เอาเข้าไป)

Fast & FuriousGal Gadot Returning for Fast and Furious 10 (Exclusive)
และพอเป็นภาคสุดท้าย มันก็เลยมีความคาดหวังอยู่มาก แถมระหว่างทางก็ดันมีอุปสรรคอีก ทั้งบรรดาดราม่าไม่กินเส้นของนักแสดง (ที่น่าจะจบแล้วมั้ง) และดราม่าใหญ่ก็คือ การถอนตัวของ จัสติน ลิน (Justin Lin) ผู้กำกับเบอร์หนึ่งที่เป็นผู้วางรากฐานแฟรนไชส์

Fast ให้เติบโตมาจนถึงตอนนี้ได้ และถูกวางให้กำกับ 2 ภาคสุดท้าย ที่ดันถอนตัวหลังจากกำกับไปไม่กี่สัปดาห์ด้วยเหตุผลบางประการ ย้ายตัวเองไปเป็นโปรดิวเซอร์ของหนัง และทิ้งบทที่เขาเขียนร่วมกับ แดน มาโซ (Dan Mazeau)

ผู้เขียนบท ‘Wrath of the Titans’ (2012) เอาไว้ให้ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ (Louis Leterrier) ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสมาสานต่อHow long is Fast X? Fast & Furious 10 runtime explained - Dexerto

ในแง่ของเรื่องย่อ สิ่งที่ผู้เขียนเองต้องกาดอกจันไว้ตัวโต ๆ ก็คือ แม้หนังภาคนี้จะถือว่ามีไทม์ไลน์ที่ต่อมาจากภาค 9 แต่เหตุการณ์และแรงบันดาลใจหลักของบทในภาคนี้ จะเชื่อมโยงมาจาก ‘Fast Five’ (2011) โดยเฉพาะฉากรถลากตู้เซฟ

ที่ในหนังจะเอาภาพนั้นกลับมาย้อนให้ดูอีกรอบแบบเต็ม ๆ เลย แต่ไม่ใช่แค่การตัดหนังมา Flashback เฉย ๆ แต่ตัวหนังยังมีกิมมิกด้วยการเพิ่มซีเควนซ์ของตัวละคร ดันเต้ เรเยส (Jason Momoa) ลูกชายของเจ้าพ่อยาเสพติด เฮอร์แนน เรเยส (Joaquim de Almeida)

โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เป็นมูลเหตุความขัดแย้งของดันเต้ที่มีต่อครอบครัวของดอมลงไปในซีนนั้นได้อย่างกลมกลืนด้วย ฉะนั้น ใครที่ยังไม่ได้ดู ‘Fast Five’ ถ้ามีโอกาสดูเพื่อทำการบ้านก่อนไปดูภาคนี้ก็จะดีครับ

Fast X Fast & Furious
ส่วนเรื่องราวในก็จะเป็นเหตุการณ์ 12 ปีหลังจากนั้นครับ เพราะหลังจากที่เฮอร์แนนถูกสังหาร มันกลายเป็นชนวนเหตุให้ดันเต้ออกไล่ล่าครอบครัวของดอมด้วยการล้างบางสมาชิกครอบครัวทั้งหมดเพื่อหวังจะให้ดอมรู้สึกทรมานไม่ต่างจากเขา

ดันเต้กลายเป็นวายร้ายที่ขนาดวายร้ายอย่างไซเฟอร์ (Charlize Theron) ก็ยังเอาไม่อยู่ และในที่สุด ครอบครัวของดอม ทั้ง เลตตี้ ออร์ทิซ (Michelle Rodriguez), มีอา โทเรตโต (Jordana Brewster), โรมัน เพียร์ซ (Tyrese Gibson), เทจ ปาร์กเกอร์ (Ludacris), ฮาน (Sung Kang) และ แรมซีย์ (Nathalie Emmanuel) ต้องมีอันแตกกระสานซ่านเซ็นไปกันคนละทิศ ก่อนที่ดอมจะเริ่มรู้ตัวว่า เป้าหมายสุดท้ายของดันเต้ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็น ลิตเติล ไบรอัน (Leo Abelo Perry) ลูกชายวัย 8 ขวบคนเก่งของดอมต่างหาก อีกอุปสรรคใหญ่ของดอมก็คือ เอเจนซี องค์กรที่คอยกำกับดูแลทีมงานของดอม ก็ถูกเปลี่ยนมือ เปลี่ยนแนวทาง หันมาไล่ล่าดอมและครอบครัวแทน มีแต่เพียง เทสส์ (Brie Larson) ลูกสาวของมิสเตอร์โนบอดี้ ที่คอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ

Fast X Fast & FuriousFast X Director Breaks Silence on Gal Gadot’s Role | The Direct

ถ้าพูดถึงแฟรนไชส์ ‘Fast & Furious’ จะไม่พูดถึงบรรดาฉากแอ็กชันที่ทั้งโคตรมัน และโคตรโม้ แหกกฏแรงโน้มถ่วงและกฏฟิสิกส์ชนิดที่ครูสอนฟิสิกส์ต้องนั่งร้องไห้ และในภาคนี้ก็ไม่พลาด ที่จะใส่ฉากแอ็กชันสุดโม้มาให้มันกันแบบเต็ม ๆ เล่นใหญ่ แถมจัดให้แบบยาว ๆ ด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นอานิสงส์จากการใช้ทุนสร้างสูงปรี๊ดถึง 340 ล้านเหรียญ คือติด Top 5 หนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดตลอดกาลไปแล้ว ก็เลยทำฉากแอ็กชันออกมาได้ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ เ

ป็นฉากแอ็กชันที่ก็ยังมีความโม้นะครับ แต่เป็นความโม้ที่ทำออกมาได้สมเหตุสมผลกว่า Fast 9 ในแง่ความสร้างสรรค์ แอ็กชันโดยรวมในภาคนี้อาจจะไม่ได้ถึงกับสดใหม่มาก เพราะทุกภาคก็อารมณ์ก็จะซ้ำ ๆ ประมาณนี้แหละ รวมทั้งยังเห็นร่องรอยการหยิบไอเดียจากภาคก่อน ๆ มาใช้พอสมควรด้วย

แต่ก็ต้องชมหลาย ๆ ฉากที่ทำออกมาได้ระห่ำสะใจมาก เช่น ฉากลูกตุ้มระเบิด ที่ลงทุนทำลูกตุ้มจริงมากลิ้งในกรุงโรม ซึ่งแม้มันจะดูการ์ตู๊นการ์ตูน แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ตื่นเต้นเร้าใจดี หรือแม้แต่ฉากสันเขื่อนที่ผู้เขียนเองคิดว่าจะโม้ไปได้แค่ไหนกันเชียว แต่สุดท้ายก็ออกมาทั้งโม้ทั้งบ้าเกินคาดสุด ๆ ไปเลย หรือฉากแข่งรถ Drag Racing ที่ถือว่าเป็นการคารวะฉากแข่งรถจากภาคแรก ๆ พอกรุบกริบ พยายามโยงเข้าเส้นเรื่องกับปมอดีตของดอม แต่ก็ยังหาจังหวะโชว์โม้

โชว์จังหวะฮีโรของดอมได้อีกสิน่า ก็อย่างว่าแหละครับ จะมาถือสาหาตรรกะอะไรกับ ‘Fast & Furious’ ล่ะ อีกอย่างก็คือ ภาคนี้ใช้รถเปลืองมากครับ ใช้กันชนิดที่เรียกว่าพังยับแหลกลาญไปไม่น้อยเลย เป็นห่วงดอมเลยว่าภาคต่อไปแกจะมีรถใช้มั้ยล่ะนั่น

Fast X Fast & Furious และด้วยความที่หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมาก

นะครับ ทั้งเก่า ทั้งใหม่ ทั้งที่ตายแล้วฟื้น คือแทบจะขนตัวละครหลักจากทุกภาคกลับมาหมดแล้วล่ะมั้ง และด้วยความที่ทีมนักแสดงหลายคนในหนังก็เคยมีประสบการณ์ผ่านหนังซูเปอร์ฮีโรมาแล้วทั้งนั้น ก็ยิ่งชวนให้คิดว่านี่มันหนัง Crossover ระหว่าง Marvel กับ DC หรือเปล่า (วะเนี่ย…) ฉะนั้น บทก็เลยต้องเขียนให้ตัวละครแยกออกเป็นเส้นเรื่องต่าง ๆ โดยมีเส้นเรื่องหลักก็คือดอม ที่ลุยเดี่ยวกับดันเต้เพื่อปกป้องครอบครัว

และมีตัวละครอื่น ๆ แยกไปเล่าเส้นเรื่องรอง ก่อนวกกลับมาเจอกันอีกทีตอนไคลแม็กซ์ กลุ่มแรกก็คือกลุ่มของโรมัน เทจ และแรมซีย์ มันสมองของทีมที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง และรับหน้าที่เล่นมุกซิตคอมที่ฮาบ้างแป้กบ้างแก้เลี่ยนจากฉากแอ็กชันพอได้

เส้นเรื่องอีกเส้นที่ผู้เขียนชอบก็คือ การผจญภัยของคู่อาหลาน เจคอบ-ลิตเติลไบรอัน ที่อาเจคอบในภาคนี้ คาแรกเตอร์ฉีกจากวายร้ายเก๊ก ๆ จากภาค 9 ไปเป็นคุณอาใจดีที่คอยเป็นบอดี้การ์ดพิทักษ์หลานรักไปซะแล้ว และในหนังก็จะได้เห็นน้องไบรอันได้มีซีนโชว์ความเก่งกาจเหลือร้ายด้วย ซึ่งถ้าน้องจะสืบต่อเป็นโทเรตโตรุ่นต่อไป ผู้เขียนก็ว่าเหมาะสมนะครับ

รวมทั้งเส้นเรื่องที่ตัวแม่ทั้งเลตตี้กับไซเฟอร์ ได้ออกมาฟาดกันแบบ 1 ต่อ 1 เป็นครั้งแรก ซึ่งตัวหนังคงตั้งใจให้เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่หลายคนอยากดูนั่นแหละ แต่ก็พอจับทรงได้ว่าเป็นฉากที่ใส่ ๆ มาเพื่อแค่ให้มีเฉย ๆ อีกจุดสังเกตก็คือ การกระจายบทให้กับตัวละครอันแสนยุ่บยั่บขนาดนี้ ยังไงก็ต้องมีตัวละครเหลือที่ไม่ได้จำเป็นต่อเนื้อเรื่องนัก ส่งผลทำให้ตัวละครเหล่านั้นได้มีแอร์ไทม์กันคนละแค่นิดหน่อย ทั้ง มีอา โทเรตโต (Jordana Brewster), ลิตเติล โนบอดี้ (Scott Eastwood) รวมทั้ง ควีนนี ชอว์ (Helen Mirren) และ อะบัวลิตา (Rita Moreno) คุณย่าของดอม ที่แทบจะเป็น Cameo ไปแล้วด้วยซ้ำ แม้แต่วายร้ายดั้งเดิมอย่างไซเฟอร์ ก็มีบทบาทน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

thinng