what happened to monday ซับไทย หนังเต็มเรื่อง HD หนัง4K

what happened to monday ซับไทย 

what happened to monday ซับไทย  ตั้งแต่เข้าใจย่อและก็มองเห็นแบบอย่างของ What Happened to Monday ความรู้สึกแรกของพวกเราเป็นพล็อตแฝด 7 คน แม้กระนั้นทุกคนอยู่ร่วมกันภายใต้ตัวตนเดียว เกิดเรื่องที่น่าดึงดูด แล้วก็มุ่งมาดว่าพวกเราจะได้มองเห็นความลี้ลับสลับซับซ้อนจากการร่วมแรงกันของญาติพี่น้องทั้งยังเจ็ด เพื่อทำภารกิจเชาวน์ความเฉลียวฉลาดที่ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งหนังตอบปัญหานี้ก้าวหน้าตั้งแต่ทีแรกๆ การผลิตเงื่อนความไม่ลงรอยกันให้เกิดขึ้นในโลกอนาคตตอนปี 2073 ที่ปัญหามวลชนล้นโลกเปลี่ยนเป็นภัยรุกรามลำดับแรกๆ

รัฐบาลจำต้องบัญญัติกฎหมายจำกัดสามัญชนด้วยการกำหนดให้ 1 ครอบครัวมีลูกได้เพียงแค่ 1 คน แต่ว่าดันมีเพศหญิงคนหนึ่งที่ให้กำเนิดลูกแฝดออกมาพร้อม 7 คน รวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กๆถูกนำไปแช่แข็ง (รอคอยฟื้นขึ้นมาในวันที่โลกดียิ่งขึ้นกว่านี้) ตาก็เลยตกลงใจรวมให้ทุกคนแปลงเป็นอันเดียว โดยฝึกฝนให้เด็กๆมีความชำนาญเฉพาะด้าน และก็ออกไปต่างประเทศบ้านได้เพียงอาทิตย์ละ 24 ชั่วโมง ตามชื่อของตนเพียงแค่นั้น (Monday-Sunday) ระยะเวลาวัยเด็กที่จำต้องศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมเพียงกัน ทำให้พวกเราเอาใจช่วยให้พวกคุณเติบโตอย่างชาญฉลาดและก็อยู่รอดในโลกที่วุ่นวายแบบงี้ให้ได้

 

what happened to monday ซับไทย 

 ดูหนังออนไลน์ what happened to monday ซับไทย

แม้กระนั้นพอเพียงเริ่มไปสู่ตอนหลัง หนังเลือกพาตนเองไปสู่การเป็นหนังแอ็กชันเต็มแบบอย่าง ภารกิจของพวกคุณแปลงเป็นการตามหา Monday ญาติคนหนึ่งที่ล่องหนไป หลังจากที่ได้ใช้ความสามารถการต่อสู้หนีการตามล้างของรัฐบาล พวกเราแทบจะมิได้มองเห็นความฉลาดการเอาชีวิตรอดทางด้านสังคมจากพวกคุณอีกเลย จนถึงความสลับซับซ้อนที่พวกเราต้องการมองเห็นตั้งแต่ทีแรกน้อยลงไปอย่างโชคร้าย แม้กระนั้นยังโชคดีที่เมื่อหนังเลือกเดินไปทางแอ็กชันเต็มกำลัง ก็ยังดึงฉากบู๊รุนแรงมาชดเชยความมุ่งหวังที่พึ่งจะหายไปได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งแรกที่ถูกใจสูงที่สุดเป็น การไม่ออมชอมกับผู้แสดงอะไรก็ตามทั้งปวง หนังจัดแจงกับนักแสดงได้ฉับไวแบบไม่ให้ผู้ชมตั้งตัว

อย่างลำดับที่สองเป็น จังหวะแล้วก็มุมกล้องถ่ายภาพ รวมถึงแอ็กติ้งของผู้แสดงในฉากบู๊  what happened to monday ซับไทย  ทุกฉากทำเป็นเนียนตามาก ทำให้พวกเราตลึงได้แม้กระทั้งฉากที่ย้ำความสวยและก็ฉลาดมากจริงๆ หรือในฉากที่ฟาดเป็นฟาด ตีเป็นตี ยิงเป็นยิง ก็ทำให้พวกเราหนำใจไปถึงขนาดต้องการเอามือปิดตาไปได้พร้อมเพียงกัน

ให้ความรู้ความเข้าใจสึกคล้ายตอนมอง Sicario (2015) ที่พวกเราชูให้เป็นหนังที่มีคิวบู๊เนียนตาแล้วก็เฉลี่ยวฉลาดที่สุดในรอบหลายปีมาแล้ว “Indiana Jones and the Dial of Destiny อินเดียน่า โจนส์ กับวงล้อที่ชะตากรรม” ที่ถือได้ว่าเป็นการกลับมาอีกทีในรอบทศวรรษของผู้ชายนักผจญภัยในตำนาน ที่คราวนี้ราวกับจะกลับมาเพื่อสืบต่อให้ถึงจุดหมาย

แล้วก็บางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาจะต้องโบกไม้โบกมือลาหน้าที่ ด้วยปัญหาที่ว่า “อยู่เพื่อคนไหนกัน เปลี่ยนมาเป็นเดินทางครั้งใหม่ของชายผู้มีสอดรู้สอดเห็นเคียงกาย เต็มหอมไปด้วยบรรยากาศเก่าๆถึงแม้กลิ่นมันจะเริ่มจางลงๆบ้างแล้วหลังจากนั้นก็ตามIndiana Jones and the Dial of Destiny เล่าราวของ อินดี้ ที่ศึกษาค้นพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยใหม่และก็กำลังอยู่ในเส้นทางสู่การเกษียณอายุ เขาจำต้องบากบั่นหาทางปรับพฤติกรรมไปสู่โลกที่ใหญ่เกินกว่าเขาไปแล้ว แม้กระนั้นเมื่อปีศาจร้ายตนเดิมกลับมาในลักษณะของตัวคู่แข่งเก่า อินดี้ ก็เลยจำเป็นต้องกลับมาใส่หมวกรวมทั้งฟาดแส้ของเขาอีกที เพื่อแน่ใจว่าวัตถุโบราณอันทรงอำนาจจะมิได้ตกอยู่ในมือของคนอัลธพาล

สำหรับในหนังภาคนี้ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” คนที่เริ่มสร้างตำนานมาตั้งแต่ต้น มิได้กลับมารับหน้าที่นั่งอยู่ข้างหลังเลนส์กล้องถ่ายรูปอีกอย่างเคย (แต่ว่าไปเป็นผู้อำนวยการผลิตแทน) ได้ทำส่งไม้ถัดมาให้ผู้กำกับยอดความสามารถประจำรุ่นเดี๋ยวนี้อีกคน อย่าง “เจมส์ แมนโกลด์” มาวาดลวดลายรวมทั้งร้องเพลงการเสี่ยงภัยครั้งใหม่ออกมาได้อย่างมีแนวทางใหม่ๆเป้าหมายจะสร้างความแตกต่างให้กับแฟรนไชส์หนังชุดนี้ก็น่าจะจะต้องรับสารภาพอย่างไม่อ้อมค้อมว่า

Indiana Jones and the Dial of Destiny ก็มีอีกทั้งมุมที่น่าประทับใจแล้วก็มุมที่รู้สึกเฉยๆผสมกันไปตลอดการเสี่ยงอันตรายคราวนี้ ที่แน่ๆเลยก็คือเสน่ห์ความเป็นหนังอินดี้ ที่ค่อนข้างจะเจือจางหายไปอย่างแจ่มแจ้ง ถึงแม้ว่าตัวหนังจะอุตสาหะมากมายๆที่จะดึงเสน่ห์แบบงี้ที่บิดามดฮอลลิวูดเคยทำเอาไว้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่อาจจะดึงที่ตรงนั้นเข้ามาได้ได้อย่างเต็มความสามารถ มันก็เลยกลายเป็นหนังที่มีเสน่ห์ขาดๆเกินๆอย่างบอกผิด

เจมส์ แมนโกลด์ ยังมาร่วมเขียนบทหนังร่วมกับกลุ่มชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็น “เดวิด วัวเอพ” (จากหนังภาคที่แล้ว) และก็ “จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ” กับ “เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ” (จาก Ford v Ferrari) แม้กระนั้นบทหนังแล้วก็การขัดเกลาแนวทางของหนังยังออกจะวนอยู่ในเซฟโซนเดิมๆของหนังเชื้อสายอินดี้ ที่พวกเรามองเห็นถึงความเพียรพยายามที่จะสร้างความแปลกใหม่ ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นยังออกจะใส่น้ำหนักที่ค่อยไปสักนิด เป็นบทหนังที่ยึดสูตรสำเร็จเยอะเกินไปนิด จนกระทั่งพลอยทำให้เบื่อได้ง่ายไปด้วยแม้การเล่าของหนังจะยังบันเทิงใจดี ถ้าเกิดคนใดกันแน่ที่เป็นแฟนหนังชุดนี้ก็คงจะตื่นเต้นไปกับแนวคิดต่างๆที่หนังเสนอออกมา แม้กระนั้นถ้าเกิดสำหรับคนชอบดูหนังขาจรแล้วละก็

ข้อมูลต่างๆที่ค่อนข้างจะเนิร์ดเล็กน้อยในหนังประเด็นนี้บางครั้งก็อาจจะไม่อินเยอะแค่ไหน ทั้งยังแอบผิดหวังหน่อยเดียวที่การเสี่ยงภัยตลอด 2 ชั่วโมงเศษๆของหนัง ก็ยังใหรสเดิมๆที่รู้จักกันมาก่อน ยังไม่ค่อยมองเห็นอะไรที่แปลกใหม่เท่าไรนัก แต่ว่าก็จัดได้ว่ามิได้ห่วยแตกอะไร และก็ภาคนี้ก็ยังเซอร์วิสแฟนคลับด้วยการใส่อีสเตอร์เอ้กเอาไว้ให้ได้รู้สึกคิดถึง หากคนไหนกันแน่มิได้เป็นแฟนหนังชุดนี้มาก่อนก็คงไม่รู้เรื่องสึกอะไรเท่าไร การได้มองเห็นผู้แสดงเก่าๆที่เคยชินกับหนังชุดนี้กลับมา ก็ถือได้ว่าเซอร์ไพรส์เบาๆแล้วก็ใส่ใจได้ว่าวันเวลาผ่านไปมากแค่ไหน รวมทั้งพวกเขาก็ผ่านระยะเวลาต่างๆท่ามกลางร่องรอยที่วัยบนร่างกายของพวกเขา ที่ควรจะแก่ถึงเวลาที่จะจำเป็นต้องเบาๆดำเนินชีวิตที่ผ่อนช้าลงแล้วใมในเวลานี้

 

what happened to monday ซับไทย

Hypnotic” หักกระทั่งขากลับยังเทียบเคียง Inception  what happened to monday ซับไทย

โรเบิร์ต โรดริเกซ (Robert Rodriguez) บางทีอาจไม่ใช่ผู้กำกับที่เลื่องลือมากเท่าไรนักหากแม้ชื่อหนังอย่าง ‘Desperado’ หรือ ‘Spy Kid’ จะเพียงพอติดตรงซอกหูคนชอบดูหนังสมัย 90-2000 อยู่บ้าง หรือแม้กระทั้ง ‘Alita : Battle Angel’ งานหนังไซไฟฟอร์มดีที่คนไม่ใช่น้อยเชียร์ให้มีภาคต่อก็ยังไม่บางทีอาจส่งให้ชื่อของโรดริเกวซติดอันดับผู้กำกับที่สมัยเท่าไรนัก มีเพียงแค่เครดิตร่วมดูแลซีรีส์อย่าง ‘The Mandalorian’ ซีซัน 3 ที่พอเพียงจะก่อให้มองเห็นความสามารถสุดเก๋าของเขาอยู่บ้างซึ่งถือว่าน่าประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้กำกับสายแอ็กชันแฟนตาซีอย่างเขาหันมาจับจับหนังทริลเลอร์ที่มีไอเดียสุดขั้วอย่าง ‘Hypnotic’ จับเอาการการสะกดจิตมาผูกโยงกับเหตุชิงทรัพย์

แล้วก็การล่องหนไปของบุตรสาวดารานำชายพร้อม what happened to monday ซับไทย  จุดหักมุมที่ซึ่งพูดได้ว่าเกินคนไหนจะคาดหมายมาเป็นหนังที่ เขาจะกลับสู่ฮอลลีวูดอีกรอบของโรดริเกวซหนังเล่าของ ดินแดนนี ทราบค (เบน แอฟเฟล็ก – Ben Affleck) ข้าราชการสืบสาวที่เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสกับการล่องหนไปของบุตรสาว จำต้องมาพันพัวกับแผนชิงทรัพย์สุดแปลกเมื่อคนที่ไม่รู้จัก 4 คนแปลงเป็นผู้สบคบคิดการปล้นร่วมกับ เดลเรย์น (วิลเลี่ยม ฟิตช์เนอร์ – William Fichtner) ที่ปรึกษาการปล้นที่สะกดจิตสั่งการพวกเขา แต่ว่าแล้วเขาก็จำเป็นต้องงงงวยเมื่อกล่องนิรภัยที่เป็นวัตถุประสงค์ของ เดลเรย์น กลายเป็นภาพถ่ายของบุตรสาวที่ถูกลักพาตัวไป

งานนี้ ดินแดนนี่ จำเป็นต้องร่วมมือกับ อลิซ (ไดอานา คุณครูซ – Diana Cruz) แม่แพทย์ซึ่งสามารถสะกดจิตผู้คนได้ พวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกันหยุด เดลเรย์น แล้วก็หาทางล้างมลทินให้ตนเองในเหตุการสังหารที่พวกเขามิได้ก่อ รวมทั้งหาคำตอบว่ากลยุทธ์ของ เดลเรย์น ตามที่เป็นจริงแล้วเกี่ยวกับบุตรสาวของทราบคอย่างไรบทหนัง ‘Hypnotic’ เ

ขียนโดย แม็กซ์ บอเรนสตีน (Max Borenstein) ร่วมกับโรดริเกวซเอง ซึ่งขั้นแรกขอดูในส่วนการเล่าเรื่องแล้วก็การ เอ็นเตอร์เทนผู้ชมครับผม บทหนังขยันปลุกอารมณ์ผู้ชมแบบเกือบทุก 5 นาที แถมมันยังหักมุมข้างหลังหนังดำเนินเรื่องไปเพียงแค่ 60 นาทีแค่นั้น (จากความยาวหนัง 93 นาที) เพียงสิ่งที่ทั้งยังบอเรนสตีนกับโรดริเกวซลืมไปเป็นการให้เหตุผลแล้วก็ที่ไปที่มาที่น่าไว้วางใจ ทำให้หากแม้หนังจะดำเนินเรื่องสนุกสนานขนาดไหนแต่ว่าผู้ชมก็อดกำเนิดอาการเอ๊ะอีกทั้งเรื่องมิได้

แล้วก็ยิ่งจุดที่มันหักมุมถูกเล่าแบบไม่มีที่ไปที่มากระทั่งทำให้ความมานะบากบั่นที่มันจะเป็นหนังทริลเลอร์เฉลี่ยวฉลาดๆแบบ ‘Inception’, ‘Source Code’ หรือจนกระทั่ง ‘Now you see me’ มองไปไม่ถึงฝั่งรวมทั้งเชื้อเชิญส่ายศีรษะมากยิ่งกว่าเซอร์ไพร์สด้วยความฉลาดของบทหนังอย่างที่มันหวังเอาไว้ภายในด้านการควบคุมของโรดริเกวซ ในฉากแอ็กชันอย่างฉากชิงทรัพย์ที่ถึงแม้ไม่ตูมตามแต่ว่ามองมีรสนิยมก็ทำให้ผู้ชมลุ้นตามได้อย่างไม่ยากเย็นหรือเทคนิกพิเศษด้านภาพที่อดนึกถึงหนังอย่าง ‘Inception’ ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) มิได้ก็ทำให้งานภาพของหนังมองน่าเร้าใจไม่เสียชื่อเสียงผู้กำกับหนังแอ็กชันที่เชี่ยวชาญในแวดวงมานาน

แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นรอยด่างด่างอย่างโชคร้ายเป็นการดูแลการแสดงที่จำต้องกล่าวว่าเข้าขั้นหายนะอย่างยิ่งจริงๆ ถึงแม้ว่าการได้ แอฟเฟล็ก, อาจารย์ซ แล้วก็ ฟิตช์เนอร์ จะช่วยทำให้หนังมองมีภาษีทดแทนภาพของหนังเกรดบีของมันได้บ้าง แม้กระนั้นในฉากที่ควรจะมีตัวประกอบเป็นจำนวนมากมองเห็นได้เลยว่าโรดริเกวซไม่ละเอียดกับการควบคุมถึงขั้นที่พวกเรามองเห็นผู้แสดงบางบุคคลเสมือนทราบก่อนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือภาพของผู้แสดงบางบุคคลที่เพียงแค่ถือปืนก็ยังมองไม่น่าเชื่อถือเลยและก็มันพินิจได้อย่างง่ายๆเมื่อได้ดูผ่านหน้าจอของโรงหนัง สรุปแล้วนับว่าเป็นงานหนังทริลเลอร์ที่มองเอาสนุกสนานพอใช้ได้นะครับ แม้กระนั้นจำต้องทำใจกับความไม่เหมือนจริงสำหรับการดูแลของโรดริเกวซรวมทั้งบทหนังที่มีช่องโหว่จนถึงผู้ชมบางคนบางทีอาจทำใจเชื่อตามมิได้สักเท่าไหร่

 

what happened to monday ซับไทย

Through My Window: Across the Sea

ดูเหมือนจะแปลงเป็นคอนเทนท์ที่หนังฝั่งสตรีมมิ่งชอบสร้างมาแข่งขันกันในยุคนี้จริงๆเนื่องจากว่าหนังรักสุดกวนโทสะกลิ่นความอีโรติกจะเข้ามาเติมเต็มรวมทั้งตอบปัญหาผู้ชมทางนี้ไปเสียแล้ว หากว่าคำตอบของหนังจะออกมาแบบไหนก็ตาม แม้กระนั้นหนังรักอีโรติกก็ผุดขึ้นแฟรนไชส์ขึ้นเป็นดอกเห็ด รวมทั้งนี่ก็คือการกลับมาในภาคต่อ ”

Through My Window: Across the Sea รักผ่านหน้าต่าง หัวใจผ่านสมุทร”  thinng  หนังจากประเทศสเปนที่เคยสร้างการปรากฏความรุ่มร้อนไปเมื่อปีที่ผ่านมา Through My Window: Across the Sea เป็นการสืบต่อเรื่องราวตลอดจากภาคที่แล้ว ราเกน กับ เอเรส ใช้เวลา 1 ปีของพวกเขากับความเกี่ยวข้องระยะไกล ถึงแม้ว่ามันจะโอเคแต่ว่าก็เสมือนมีอะไรที่หายไป

จนถึงตอนปิดภาคเรียนมาถึง ทั้งสองได้ออกทริปท่องเที่ยวพักร้อนเมือง what happened to monday ซับไทย  พักผ่อนริมทะเลสุดรุ่มร้อน พวกเขากลับจะต้องเจอหน้ากับปัญหาและก็ความเย้ายวนใหม่ๆที่จำต้องเอาชนะ ซึ่งมันได้ก่อตัวเป็นความมั่นคงในใจพวกเขาแทนมาในภาคนี้ก็ยังสืบต่อด้วยคณะทำงานแล้วก็กลุ่มผู้แสดงชุดเดิมแทบทั้งสิ้น โดยเหตุนั้นก็เลยหมดห่วงเรื่องรอยต่อของหนังไปได้เลย โดยหนังยังคงได้โอกาสมเขียนบทชุดเดิม นำกลุ่มมาด้วยผู้ครอบครองบทกวี “อาเรียนา โกภูเขา” ร่วมด้วย “เอดวร์ด โซลา” ที่นับว่างานของพวกเขายังไหลลื่นไปด้วย ถึงแม้พล็อตและก็เค้าเรื่องบางครั้งอาจจะซ้ำจากจำเจแบบเดิมๆเป็นแถวนิยายน้ำเสียที่พวกเราคงจะคาดการณ์กันได้

แม้กระนั้นขั้นต่ำๆสิ่งหนึ่งที่ทราบสัมผัสได้ว่า Through My Window: Across the Sea มีความเจริญเกิดขึ้น ซึ่งก็คือการผลิตมิติมากขึ้นให้กับจำนวน ถึงจะยังจำเป็นต้องจุดโฟกัสสำคัญๆที่คู่พระนาง แม้กระนั้นพวกเขาก็เสริมหน้าที่ของผู้แสดงสมทบผู้อื่นเข้าไปได้อย่างน่าค้นหามากขึ้นด้วย ใส่ทั้งยังแนวความคิดและก็ความประพฤติปฏิบัติเพิ่มเข้าไปจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ในภาคนี้มีตัวละครใหม่ๆเข้ามาเสริมกองทัพให้เรื่องราวมันวุ่นมากยิ่งขึ้น และก็แน่ๆมีความคิดว่าคุณคงจะทายใจถูก มันเป็นเงื่อนรักสามเส้าพื้นๆนั่นแหละ แม้กระนั้นอย่างต่ำๆหนังหัวข้อนี้ก็ออกจะเดินเรื่องไปด้วยสปีดที่กำลังพอดี ถึงมันจะเกลี่ยกระจัดกระจายบทออกมาในหลายๆคู่มากขึ้น หนังก็แทบจะต่อกรเกือบจะไม่ไหว แม้กระนั้นท้ายที่สุดก็หนีหน้ากลับมารอดชีวิตได้อย่างเฉียดฉิวกับส่วนประกอบนี้